xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงภูเก็ตดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามผลการปฏิบัติงานในการรักษาความปลอดภัย และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ เสนอจัดหาล่ามแปลภาษาต่างประเทศ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกรณีมีปัญหา

วันนี้ (23 พ.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (กม 5) ผู้อำนวยการบริหารจัดการความปลอดภัยและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในพื้นที่ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ได้เดินทางมาประชุมเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานในการรักษาความปลอดภัย และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ โดยมีรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ ที่รับผิดชอบด้านการท่องเที่ยว รวมถึงหัวหน้าสถานี ผู้กำกับด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด ผู้กำกับด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจทางหลวง ตำรวจน้ำ ในพื้นที่รับผิดชอบภูเก็ต พังงา และกระบี่ เข้าร่วมประชุม ซึ่งประเด็นหลักๆ ที่มีการประชุมหารือร่วมกันในครั้งนี้ คือเรื่องการจัดหาล่ามแปลภาษาต่างประเทศ เพื่อคอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวกรณีมีปัญหาเกิดขึ้น

พล.ต.ท.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (กม 5) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ตนซึ่งรับผิดชอบเรื่องงานท่องเที่ยวดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตน และ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) ช่วยดูแลในเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญในขณะนี้ คือ มีนักท่องเที่ยวหลายชาติ หลายภาษา เข้ามาในประเทศไทย ปริมาณสูงขึ้นทุกปี แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ประสบคือ ในเรื่องของล่ามที่จะแปลภาษาต่างๆ ก็เลยทำให้มีการเรียกร้องขอล่ามมาแปล เมื่อมีเหตุ หรือปัญหาเกิดขึ้นแก่นักท่องเที่ยว ตนก็ได้ดำเนินการในเรื่องของการจัดหาล่าม ซึ่งตอนนี้มี 30 จังหวัดยุทธศาสตร์ที่ดูแลเรื่องท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับมอบหมายจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวเป็นผู้ดูแลจัดหาล่าม ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังติดต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ของบประมาณในส่วนหนึ่งเพื่อจัดจ้างล่ามภาษาต่างๆ แต่การที่จะให้ล่ามมาอยู่ตามสถานีตำรวจที่มีสถานที่ท่องเที่ยวนั้นทำได้ยาก เพราะสถานีตำรวจในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นั้น มีเป็นจำนวนมาก ประกอบกับจำนวนคดีที่เกิดขึ้นต่อนักท่องเที่ยวก็มีไม่มาก เราสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ สถิติคดีคดีอาญาที่เกิดแก่นักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ เราก็ได้ตั้งศูนย์ล่าม และการใช้ล่าม โดยในส่วนของจังหวัดก็มีล่ามอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว และเราจะใช้ล่ามส่วนกลางเขามาเสริมอีกแรกหนึ่งด้วย โดยใช้ระบบ Conference ขณะนี้ร้อยละ 90 กว่าของสถานีตำรวจซึ่งมี 1,600 กว่าสถานี สามารถที่จะ Conference กับส่วนกลางได้แล้ว โดยเมื่อเกิดเหตุ จะให้ทางพื้นที่ติดต่อไป Conference นั่งพูดคุยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ล่าม และผู้เสียหาย ในกรณีนี้ถ้ามีล่ามในส่วนของจังหวัดเข้ามาร่วมพูดคุยด้วยกับทางส่วนกลาง ก็จะสามารถเช็กได้ว่าล่ามจังหวัดแปลถูกไหม เพราะเคยมีกรณีมีการแปลผิดพลาด ทำให้ผู้เสียหายไปร้องเรียนออกสื่อต่างประเทศ ซึ่งก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายตรงส่วนนี้ด้วย

โดยจำนวนล่ามที่ทางพื้นที่ระดับจังหวัดประสานไปทางส่วนกลางให้จัดล่ามขึ้นมานั้น เราจะจัดเตรียมไว้ให้ภาษาละไม่ต่ำกว่า 6 คน ซึ่งล่ามแปลภาษาหลักๆ ตอนนี้ที่มีอยู่ก็จะมีในส่วนของล่ามภาษาจีน รัสเซีย อังกฤษ ฯลฯ และจะมีล่ามภาษาอื่นๆ เพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งเราต้องจัดเพื่อรองรับอาเซียนด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงการสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว ภายใต้แผนยุทธศาสตร์เรื่องการท่องเที่ยวด้วยว่า รัฐบาลชุดที่ผ่านมา ได้มีนโยบายว่าจะหารายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ก็ได้สั่งการให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลในเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ก็มีการขับเคลื่อนกันมาโดยตลอด ทำให้คดีใหญ่ๆ เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวลดลงมา เรียกว่าอยู่ในสถานภาพที่เราควบคุมได้ เป็นที่น่าพอใจ และ ณ สถานการณ์ปัจจุบันเรายังดำเนินการอย่างเต็มที่

“จากสถานการณ์ตอนนี้ซึ่งมีการประกาศปฏิวัติ จริงๆ แล้ว ณ วันนี้มีหลายประเทศที่ได้ประกาศว่า สถานการณ์ในประเทศไทยเป็นสถานการณ์ระดับ 4 คือซีเรียส แต่ที่ห้ามคนของเขาเข้ามาในประเทศไทย คือมองสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นสถานการณ์ระดับ 5 มีอยู่ประเทศเดียว ตอนนี้ คือ ฮ่องกง ที่เหลือจะเป็น 4 หมด ตรงนี้เป็นเรื่องของอนาคต สถานการณ์ดีขึ้น เหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็คงบรรเทาลง บ้านเราฝรั่งใช้คำหนึ่งว่า Thailand Only มีที่เดียวในโลกนี้ ก็คงไม่มีอะไรเคอร์ฟิวยกเลิก สถานการณ์ความสงบก็คงกลับมาเหมือนเดิม แต่ถ้าถามว่ากระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ กระทบแน่นอน แต่ก็ยังดีกว่าหลายประเทศ คือ ทุกประเทศมีความอ่อนไหว เขาไม่รู้ว่าประกาศเคอร์ฟิวคืออะไร เขานึกว่ายิงกันต่อสู้กัน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เป็นเรื่องของการเมือง เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปวิตกอะไรมาก ขอให้อยู่กันด้วยความสงบ อย่าให้มีเหตุการณ์ที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นมา” พล.ต.ท.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดูแลความสงบในพื้นที่ ตอนนี้เป็นหน้าที่ของทหาร ซึ่งทำหน้าที่ตรงส่วนนี้อยู่ แต่ถ้าเขาร้องขอมาเราก็จะต้องเข้าไปดูแลอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เป็นหน้าที่ของทหารทั้งหมด ตำรวจก็ทำตามบทบาทภารกิจปกติ ดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ก็ต้องขอความร่วมมือประชาชน ซึ่งเราถือว่าประชาชนคือตำรวจคนแรก หากพบเห็นเหตุ หรือบุคคลต้องสงสัยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการที่จะก่อปัญหาอาชญากรรม หรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น ให้รีบแจ้งประสานมาทางเจ้าหน้าที่โดยตรงในทันที




กำลังโหลดความคิดเห็น