สุราษฎร์ธานี - รวบนิสิตปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 ค้ายาบ้าพร้อมของกลางกว่า 7 หมื่นเม็ด สารภาพรายได้ดีทำมากว่า 2 ปีแล้ว รับออเดอร์จากเรือนจำกลางสุราษฎร์ฯ
วันนี้ (23 พ.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 8 พ.ต.อ.อาคม สายสมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 8 นายพีระ กาญจนพงษ์ ผอ.ฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย ป.ป.ส.ภาค 8 สอบปากคำผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ ทราบชื่อคือ น.ส.วิศาทิพย์ เกลี้ยงกมล อายุ 24 ปี นิสิตปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 เอกธุรกิจคอมพิวเตอร์ ของมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในภาคใต้ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 70,400 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 200 กรัม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ และนายวีระพงษ์ พัฒฉิม อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/5 ม.7 ต.ไทรขึง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 420 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากทางตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด นำโดย พ.ต.ต.วีระพันธ์ เกื้อรักษ์ สว.กก.สส.2 บก.สส.ภ.8 (สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 8) สืบทราบว่า นายวีระพงษ์ พัฒฉิม เป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ อ.พระแสง และ น.ส.วิศาทิพย์ เกลี้ยงกมล เป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ และเป็นที่พักยาในพื้นที่ อ.ปลายพระยา จึงได้เข้าทำการตรวจค้น และจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว ซึ่งปกติ น.ส.วิศาทิพย์ จะเก็บซุกซ่อนยาเสพติดในสวนหลังบ้าน แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูฝน ฝนตกเกือบทุกวัน จึงได้ขนย้ายยาบ้าไปเก็บไว้ในบ้านพักจึงถูกจับกุมได้ในที่สุด
จากการสืบสวนขยายผลทราบอีกว่า น.ส.วิศาทิพย์ เป็นหลานสาวของ นายสัญญาศักดิ์ เกลี้ยงกมล อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้ช่วยศักดิ์ ซึ่งเป็นนักโทษคดียาเสพติดเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และยาเสพติดครั้งนี้รับมาจากนายบ่าว โดยที่นักโทษในเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ติดต่อประสานให้ แต่ไม่พ้นฝีมือการไล่ล่าของตำรวจ จึงถูกจับกุมได้ทั้งหมดก่อนถึงมือลูกค้ารายย่อย
โดย น.ส.วิศาทิพย์ ให้การรับสารภาพว่า เนื่องจากตนเองเรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 จึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ส่ง จัดหาสถานที่พักยาเสพติด และทำบัญชีมากว่า 2 ปีแล้ว โดยเริ่มเรียนรู้ และเข้าสู่ขบวนการค้ายาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ไม่จริงจังมากนัก และเมื่อเรียนจบเริ่มทำงานอย่างจริงจัง เพราะหาเงินได้คล่อง ช่วยจุนเจือครอบครัวอีกทางหนึ่ง โดยที่ครอบครัวไม่ทราบว่าตนเองเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และทราบดีว่าผิดกฎหมายแต่เต็มใจทำ และยอมรับในชะตากรรมที่ได้รับทุกอย่าง โดยที่ก่อนหน้านี้ เคยมีแฟน ตนพยายามชักชวนให้แฟนค้ายาเสพติดด้วยกัน แต่แฟนใจไม่ถึงจึงปฏิเสธ ไม่กล้าทำ ตนเองจึงบอกเลิกแฟนหนุ่มหันมาทำคนเดียว ทั้งจัดหาที่พักยา รับออเดอร์ส่ง และทำบัญชีทั้งหมด ซึ่งติดต่อทางโทรศัพท์เท่านั้น เบื้องต้น ทางตำรวจแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป