นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 ยืนยันการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไม่กระทบต่อวิถีชีวิต จชต.เพราะประกาศมุ่งเน้นไปในเรื่องรักษาความสงบเรียบร้อย ความขัดแย้งทางการเมืองใน กทม.
วันนี้ (20 พ.ค.) จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ในส่วนของพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้นั้น พ.ท.รณวรรณ พจน์สถิตย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ยืนยันการประกาศกฎอัยการศึกจะไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมาตรการดังกล่าวมุ่งเน้นในการรักษาความสงบเรียบร้อยเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
รวมถึงพื้นที่การชุมนุมในจังหวัดต่างๆ และป้องการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือน เพื่อเป็นการสร้างความขัดแย้งระหว่างผู้เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งที่ผ่านมา จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เคยใช้กฎอัยการศึกในการควบคุมพื้นที่ และได้เปลี่ยนมาใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) มาควบคุมแทนจนกระทั่งถึงปัจจุบันก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก ที่ทหารจะเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่เป็นหลัก
ซึ่งจากการติดตามตรวจสอบข้อมูลยังไม่มีการกระทำผิดเกี่ยวกับการปลุกระดม หรือมีการนำเสนอข้อมูลที่มุ่งสร้างความแตกแยกทางการเมือง จึงมั่นใจว่าสถานการณ์ในพื้นที่จะยังคงเป็นไปตามปกติ โดยกำลังพลจะไม่ไปลิดรอนสิทธิ หรือกระทำการใดๆ ที่นอกเหนือจากการป้องกันการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ และรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลกเท่านั้น
วันนี้ (20 พ.ค.) จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ในส่วนของพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้นั้น พ.ท.รณวรรณ พจน์สถิตย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ยืนยันการประกาศกฎอัยการศึกจะไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมาตรการดังกล่าวมุ่งเน้นในการรักษาความสงบเรียบร้อยเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
รวมถึงพื้นที่การชุมนุมในจังหวัดต่างๆ และป้องการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือน เพื่อเป็นการสร้างความขัดแย้งระหว่างผู้เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งที่ผ่านมา จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เคยใช้กฎอัยการศึกในการควบคุมพื้นที่ และได้เปลี่ยนมาใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) มาควบคุมแทนจนกระทั่งถึงปัจจุบันก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก ที่ทหารจะเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่เป็นหลัก
ซึ่งจากการติดตามตรวจสอบข้อมูลยังไม่มีการกระทำผิดเกี่ยวกับการปลุกระดม หรือมีการนำเสนอข้อมูลที่มุ่งสร้างความแตกแยกทางการเมือง จึงมั่นใจว่าสถานการณ์ในพื้นที่จะยังคงเป็นไปตามปกติ โดยกำลังพลจะไม่ไปลิดรอนสิทธิ หรือกระทำการใดๆ ที่นอกเหนือจากการป้องกันการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ และรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลกเท่านั้น
