สตูล - ตร.สตูล เร่งไล่ล่า 2 ผู้ต้องหาก่อคดีอุกฉกรรจ์เครือข่ายค้าอาวุธสงคราม หลังแหกคุกศาลจังหวัดหลบหนีลอยนวล เชื่อมีการวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้า คาดยังอยู่ในพื้นที่ หวั่นหากหลบหนีทางทะเลอาจทำให้ยากต่อการจับกุม เผยพบจุดอ่อนในคุกเพียบ พร้อมเตรียมหารือปรับระบบความปลอดภัยใหม่
วันนี้ (12 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจงานสืบสวนภูธรจังหวัดสตูลทุกชุด ทุกโรงพักเร่งออกไล่ล่าสกัดผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ เครือข่ายยาบ้า เครือข่ายอาวุธสงคราม 9 คดี ในพื้นที่ จำนวน 2 คน ที่ถูกจับในท้องที่ สภ.ท่าแพ คือนายพันธ์ศักดิ์ (อุเส็น) เตบสัน อายุ 37 หมู่ที่ 5 ต.ท่าแพ อ.ท่าแพ จ.สตูล และท้องที่ สภ.ฉลุง นายชุดดีน หลังยาหน่าย อายุ 34 ปี พื้นเพคน ต.ทุ่งนุ้ย แต่ตามทะเบียนราษฎร เป็นคน ต.คลองกวาง อ.นาทวี จ.สงขลา
หลังเกิดเหตุทาง พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลดูแลความมั่นคงและกิจการพิเศษ พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุภายในศาลจังหวัด ซึ่งเป็นถนนเลียบข้างติดกับรั้วซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาต้องเดินทางเพื่อไปรับฟังคำตัดสินของศาลฯ จากการสอบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาล เล่าเหตุการณ์ก่อนรถจากเรือนจำจังหวัดสตูลจะมาถึงจุดบริเวณศาลฯ ให้ผู้ต้องหาเข้าห้องขังเพื่อรอฟังคำพิพากษาจำนวน 17 คน ที่มากับรถยนต์เรือนจำคันดังกล่าว
โดยขณะนั้นมีตำรวจประจำประตูหน้าห้องขัง 2 นาย ด้านในอีก 2 นาย ระหว่างนั้นผู้ต้องหาต่างทยอยเดินเข้าห้องขังศาลจังหวัด โดยมีโซ่ตรวนคล้องข้อเท้าทั้งสองข้าง ซึ่งผู้ต้องหาที่หลบหนี 2 นาย ได้อยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 17 คนนั้นด้วย แต่ได้อาศัยจังหวะผู้ต้องหารายอื่นทยอยเข้าห้องขังได้ผลักตำรวจล้ม และมีการต่อสู้ฟัดเหวี่ยงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะวิ่งกระโดดข้ามกำแพงรั้วศาลไปทั้งโซ่ตรวนที่คล้องข้อเท้า หลบหนีออกไปขึ้นรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีดำ ทะเบียน 5788 บง ไม่ทราบหมวดจังหวัด ที่สตาร์รถรออยู่ด้วยความรวดเร็ว
รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล ให้สัมภาษณ์ว่า ดูจากสภาพพื้นที่ของห้องขังภายในศาลพบจุดอ่อนซึ่งอยู่ห่างจากถนนใหญ่เพียง 10 เมตร และรั้วรอบขอบชิดไม่รัดกุมเพียงพอ และคงต้องมีการประชุมเพื่อประเมินการใช้สถานที่ควบคุมตัวที่อยู่ใกล้รั้ว และติดถนนใหญ่ ประกอบกับการหลบหนีในครั้งนี้เชื่อว่าผู้ต้องหาได้วางแผนมาล่วงหน้าแล้ว การจะใช้อาวุธปืนในการยิงสกัดนั้นเป็นไปได้อยากเพราะมีประชาชนมานั่งออเต็มด้านข้างริมรั้วเพื่อรอดูญาติจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ได้สั่งตำรวจในพื้นที่ทั้งหมดสกัดจับ และยังเชื่อว่ายังอยู่ในพื้นที่ แต่หากมีการหลบหนีลงเรืออาจจะทำให้อยากต่อการไล่ล่าจับกุมตัว
หลังจากนี้ ทางศาลจังหวัดสตูลเองคงต้องมีการเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล และจะมีการเพิ่มโทษผู้ต้องหา และยังพบประวัติผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเครือข่ายเดียวกันในคดียาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่