ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา กว่า 200 คัน เดือดร้อนอย่างหนักหลังมาเลเซียออกกฎเหล็กห้ามบรรทุกผู้โดยสารเข้าออกประเทศอย่างเด็ดขาด เตรียมยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และกงสุลใหญ่มาเลเซีย เร่งเจรจาแก้ปัญหา หากไม่เป็นผลขู่รวมตัวปิดด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียทันที เพื่อเป็นการตอบโต้
วันนี้ (4 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา กว่า 200 คันว่า ขณะนี้กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากที่ทางขนส่งมาเลเซีย หรือเจพีเจ ออกมาตรการเข้มงวดห้ามรถตู้ไทยบรรทุกผู้โดยสารเข้าออกในประเทศมาเลเซียอย่างเด็ดขาด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงถึง 600 ริงกิต หรือ 6,000 บาท โดยอนุญาตเฉพาะรถตู้เปล่าเข้าออกเท่านั้น
โดยทางการมาเลเซียอ้างเหตุผลว่า รถไทยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายขนส่งของมาเลเซีย รวมทั้งเข้าไปแย่งอาชีพรถรับจ้างมาเลเซีย และทางขนส่งมาเลเซียจะจับกุมรถตู้ไทยที่บรรทุกผู้โดยสารที่เข้าออกทางด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียทุกแห่ง ทั้งสงขลา สตูล ยะลา นราธิวาส
นายภูปณัท ศิริบำรุง หนึ่งในผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวระหว่างสงขลา กับมาเลเซีย เปิดเผยว่า ขณะนี้รถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา ที่มีอยู่กว่า 200 คัน ไม่สามารถนำนักท่องเที่ยว หรือแม้แต่ส่วนราชการที่เข้าไปดูงานในประเทศมาเลเซียได้ เพราะทางขนส่งมาเลเซียห้ามบรรทุกผู้โดยสารเข้าไปอย่างเด็ด แม้แต่รถตู้ที่ปฏิบัติถูกตามตามกฎระเบียบขนส่งของมาเลเซียก็ตาม ส่งผลให้ขณะนี้เจ้าของรถตู้ขาดรายได้ และว่างงานเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เดินทางเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ทั้งรถตู้นำเที่ยว และรถตู้โดยสารประจำทางสายหาดใหญ่-ปีนัง
นายภูปนัท กล่าวว่า ทางผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา ทั้งหมดเตรียมเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา เพื่อเร่งแก้ปัญหา และเจรจากับทางการมาเลเซียโดยเร็วที่สุด หากยังไม่เป็นผลก็จะมีมาตรการขั้นเด็ดขาด คือ รวมตัวปิดด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ทันที เพื่อเป็นการตอบโต้หากรถตู้ไทยเข้าไม่ได้ รถของมาเลเซียก็เข้าประเทศไทยไม่ได้เช่นกัน