ในแวดวงนักเขียน - กวี ผมมีเพื่อนรักอยู่ไม่กี่คนที่สามารถไปมาหาสู่กันได้สนิทใจ หนึ่งนั้นคือ ไม้หนึ่ง ก กุนที
ทุกครั้งที่ผมนั่งรถไฟไปกรุงเทพฯ ในช่วงปีที่สายการบินราคาต่ำยังไม่มี ผมจะลงที่สามเสน แล้วไปยังราชวัตร ที่นั่น ไม้หนึ่งทำหน้าที่เป็นฝ่ายผลิตให้แก่ร้านข้าวหน้าเป็ดของพ่อตา
เขามีลูกชายสองคน คนโตชื่อ นาวิน ซึ่งผมก็ได้อุ้มมาแล้ว คนน้องชื่ออะไรจำไม่ได้ เพราะเป็นช่วงที่ผมไม่ค่อยได้ขึ้นกรุงเทพฯ นัก
ก่อนปี 43 เขาเคยมาที่บ้านผม พักอยู่ 2-3 คืน ผมถ่ายทอดวิชาหมี่เป็ดให้เขาฟังด้วยการเล่า และบอกว่า หากเขาสนใจจริงจังก็ให้มาฝึกได้ทุกเมื่อ เช่นที่เขากล่าวว่า จะสอนผมทำเป็ดพะโล้และซอสราดข้าวหน้าเป็ด
เราสองคนเป็นกวีเป็ดๆ ที่วงการกวีจับตา โดดเด่นตามหน้านิตยสารในช่วงปี 2536 - 2545 เป็นสองกุมารสยามยุคใหม่ หลังจากยุคของ ขรรค์ชัย บุญปาน - สุจิตต์ วงษ์เทศ
เราติดต่อทางจดหมายกันไม่รู้กี่สิบฉบับ ลายมือเขาน่ารัก อ่านยากแต่สวย เขาส่งรูปถ่ายขาวดำตอนถ่ายในสวนส้มโอที่บ้านของเขา มีรูปหนึ่งเขานั่งกอดหมาพันธุ์พื้นบ้านแล้วยิ้มให้กล้อง
จดหมายของเขาแต่ละฉบับมักจะเขียนยาวหลายหน้า และมีบทกวีที่เพิ่งเขียนเสร็จใหม่แนบมาด้วย โดยเฉพาะชุด วิหารน้อยฟังเสียงนก
มีเสียงบอกว่าเขาฝักใฝ่ซ้ายมานับสิบปี ก็คงเริ่มประมาณปี 2540 กว่าๆ เพราะก่อนหน้านั้นเขาสนใจในธรรมะแบบเซน สนใจธรรมะในนิยายกำลังภายใน สำนวนบทกวีของเขาเป็นสำนวนกำลังภายใน
เขาเป็นเสื้อแดงจัดจ้าน เคยโทร. มาชวนผมขึ้นเวที นปก. ด้วยทฤษฏีฝ่ายซ้าย และผมปฏิเสธ นับแต่นั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย
แต่ก็ไม่ใช่การตัดเยื่อใยสัมพันธ์ ไม้หนึ่ง ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ ผมมีเบอร์บ้านที่ราชวัตร ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบอร์บ้านที่ศาลายา ซึ่งเขาไปเปิดร้านข้าวหน้าเป็ดที่นั่น
คืนหนึ่งในสถานการณ์การเมืองที่เริ่มรุนแรง และหลังจากที่เขาโทร.ชวนผมขึ้นเวที นปก. ผมได้โทร.หาเขา ก่อนที่เด็กในร้านจะบอกว่าไม่อยู่ เขาไปห้องเรียนที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่คิดเอาเองว่าน่าจะเป็นเหมือนหนึ่งโรงเรียนการเมือง
มักจะมีคนถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรา ผมตอบไปทุกครั้งว่ายังดีอยู่ รักกันห่วงใยกันเสมอ ไม่ว่าเขาจะแดงแค่ไหนก็ตามที สำหรับผม เขาคือไม้หนึ่ง คือไผ่ เพื่อนที่ผมรักและสนิทที่สุดคนหนึ่งในวงการกวี
ผมและเขามักจะได้รับการพูดถึงทุกครั้ง ในกรณีที่มีการพูดคุยเรื่องความแตกต่างทางความคิด ว่าคนสองฝ่ายจะยังคบหากันได้ไหม
เขาถูกยิง และเสียชีวิตแล้ว ข่าวมาถึงผมช่วงบ่าย ทั้งตกใจและเศร้า พยายามเช็กข่าวจากคนที่เชื่อถือได้
ประมาณปี 2537-2538 ผมกับเขาเคยนั่งดื่มกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวถนนพระอาทิตย์ เราดื่มกันจนรุ่งสาง ขอร้องเจ้าของร้านให้เปิดเพลง “กว๊านพะเยา” ของ สุรพล สมบัติเจริญ ซ้ำไปซ้ำมา และเราตะเบ็งเสียงร้องเพลงนี้กันจนรุ่ง อย่างอ้อแอ้ๆ
เขาชอบเพลงนี้มาก “กว๊านพะเยา” ของ สุรพล สมบัติเจริญ / แต่งเองร้องเอง ...http://www.youtube.com/watch?v=uEkcrniUgUA
มนตรี ศรียงค์
23 เมษายน 2557