ยะลา - ผู้การฯ ยะลา เผยความคืบหน้าเหตุยิงถล่มผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบันนังสตาเสียชีวิต 3 ราย หลังตรวจสอบพบปลอกกระสุนอาวุธสงครามกว่า 50 ปลอกในที่เกิดเหตุ เผยเป็นอาวุธปืนที่เคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 อำเภอมาแล้ว 3 ครั้ง พร้อมกำชับตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองร่วมมือปฏิบัติหน้าที่จับกุมคนร้ายอย่างเร่งด่วน
วันนี้ (3 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากเหตุกรณีคนร้ายก่อเหตุยิงถล่มผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านกาสังใน ม. 6 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา จนเป็นเหตุให้ นายเอียะ ศรีทอง ผู้ใหญ่บ้าน นางเฉลียว พิกุลกลั่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และนางอุไร ทับทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้
ความคืบหน้าทางคดี ล่าสุด พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบปลอกกระสุนปืนขนาด .223 จำนวนกว่า 50 ปลอก ซึ่งส่วนใหญ่พบอยู่บนเนินดินข้างทาง และบนถนนที่เกิดเหตุ โดยจากการตรวจสอบสามารถยืนยันได้ว่า ปลอกกระสุนปืนที่พบนั้นยิงมาจากอาวุธปืนจำนวน 6 กระบอก เป็นอาวุธปืนยาวเอ็ม 16 จำนวน 5 กระบอก อาวุธปืนเอชเค 33 จำนวน 1 กระบอก
“ในจำนวนนี้มีอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 3 กระบอก ที่มีประวัติอยู่ในสารรบบของเจ้าหน้าที่ซึ่งพบว่า คนร้ายเคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่ถึง 3 ครั้ง ทั้งในพื้นที่ อ.กรงปินัง อ.ยะหา รวมทั้งสิ้น 4 คดีด้วยกัน ซึ่งสามารถชี้ชัดได้ว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกันของกลุ่มคนร้ายที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.ยะหา อ.กรงปินัง และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้กำชับและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการประสานการปฏิบัติงาน ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในการติดตามตัวกลุ่มคนร้าย ซึ่งเชื่อว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ด้านหน่วยข่าวงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการแจ้งข่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มีการรวมกลุ่มกันของแกนนำก่อเหตุระดับปฏิบัติการในพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.กรงปินัง และ อ.ยะหา จ.ยะลาโดยการนำของนายอูไบดีละ รอมมือลี แกนนำก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ ร่วมกับนายการียา ยะลาแป นายอาบะ เจะอาลี และนายอาหมัด ลือแบซา ซึ่งทั้งหมดได้มีการเคลื่อนไหวก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มีรายงานคนร้ายได้นำเอาเงินสดของผู้เสียชีวิตที่อยู่ภายในรถยนต์จำนวนไม่ต่ำกว่า 60,000 บาท พร้อมกับอาวุธปืนคาร์บิน ซึ่งเป็นของทางราชการอีก 1 กระบอก หลบหนีไปด้วย
