ตรัง - รวบแก๊งเยาวชนค้ายาบ้าพบของกลางกว่า 3,000 เม็ด พร้อมอาวุธปืนจำนวนมาก ผงะมีกระสุนปืนอาวุธสงครามที่ใช้เฉพาะในกองทัพรวมอยู่ด้วยกว่าร้อยนัดไว้ในครอบครอง ตำรวจเผยผู้ต้องหาเป็นแค่เยาวชนแต่กลับกล้าออกตระเวนขายยาบ้าทั่วเมืองตรัง
วันนี้ (29 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง แถลงข่าวผลการจับกุมตัว 3 ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ประกอบด้วย 1.นายกิตตภัฎ สัญวงศ์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182/1 ม.10 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง 2.นายวิทวัส นิลวงษ์ อายุ 19 ปี และ 3.นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี น้องชายของ นายวิทวัส ทั้ง 2 คนอยู่บ้านเลขที่ 50/1 ม.1 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 3,189 เม็ด อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน จำนวน 5 นัด อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนขนาด 12 จำนวน 2 นัด อาวุธปืนยาว HK33 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนขนาด 5.56 ซึ่งใช้ได้กับปืนยาว HK33 และ M16 จำนวน 179 นัด แมกกาซีนปืน HK33 แบบ 30 นัด จำนวน 1 ซอง แมกกาซีนปืน HK33 แบบ 20 นัด จำนวน 1 ซอง และกระเป๋าเดินทาง จำนวน 1 ใบ
ทั้งนี้ เนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า นายกิตตภัฎ มีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติด และก่อเหตุชิงทรัพย์ในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง จึงได้ทำการสืบสวน และทราบว่าผู้ต้องหาได้มาเช่าห้องพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่เทศบาลตำบลโคกหล่อ จึงได้เข้าทำการตรวจค้น ก่อนตรวจยึดยาบ้า จำนวน 42 เม็ด พร้อมอาวุธปืนของกลาง หลังจากนั้น ได้ขยายผลถึงเพื่อนร่วมขบวนการ จนทราบว่า นายวิทวัส และนายเอ ได้มาเยี่ยมเพื่อนซึ่งป่วยอยู่ที่อาคาร 100 เตียง ชั้น 3 โรงพยาบาลตรัง โดยทั้ง 2 คนได้มีการพกพาอาวุธปืนมายังโรงพยาบาลด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไปตรวจสอบ และแสดงตัวจับกุม ก่อนที่จะพาทั้ง 2 คนกลับมายังบ้านพัก พบของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 3,147 เม็ด อาวุธปืน HK33 พร้อมกระสุนปืนดังกล่าว
โดย นายวิทวัส รับสารภาพว่า ในแก๊งของตนจะมีกันอยู่ด้วย 3-4 คน แต่ละคนก็จะแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยมี นายแป้ง เพื่อนร่วมแก๊งเป็นคนจัดหายาบ้ามาให้พวกตนจำหน่ายในพื้นที่ โดยตนจะเป็นคนคอยตามเก็บเงิน และหากลูกค้าเบี้ยวหนี้ หรือไม่ยอมจ่ายเงินก็จะมีเพื่อนอีกคนที่กำลังหลบหนีคอยทำหน้าที่ตามยิง หรือตามทวงหนี้ นอกจากนั้น นายแป้ง จะใช้บ้านของตนเป็นที่พักยา และเก็บซ่อนอาวุธปืน ทั้งนี้ ตนและน้องชายจะได้ค่าจ้างครั้งละ 1-2 พันบาท พร้อมด้วยยาบ้าอีก 5 เม็ด ในการออกทำงานแต่ละครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ทั้ง 3 คน ว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ครอบครองโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า ผู้กระทำผิดในปัจจุบันจะเป็นกลุ่มเยาวชนโดยส่วนใหญ่ และมีส่วนเกี่ยวพันกับยาเสพติดแทบทั้งสิ้น ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ผู้ต้องหาซึ่งนับว่าเป็นเยาวชนแต่กลับมีอาวุธปืนชนิดร้ายแรงอยู่ในครอบครอง แล้วยังกล้านำไปก่อเหตุในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องให้ความสำคัญ และสิ่งที่ทำให้ตนกังวลก็คือ การตรวจยึดกระสุนขนาด 5.56 ซึ่งใช้ได้กับอาวุธปืนยาว HK33 และ M16 จำนวนถึง 179 นัดนั้น เป็นสิ่งที่น่าห่วงอย่างมาก เพราะกระสุนชนิดนี้มีใช้เฉพาะในกองทัพไทยเท่านั้นแต่กลับมาอยู่ในมือของเยาวชนได้อย่างไร นั่นก็หมายความว่าอาจมีการลักลอบนำมาออกมาจำหน่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีการตรวจสอบเพื่อความแน่ชัดต่อไป