นราธิวาส - ตำรวจสุไหงโก-ลก จับกุมผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย 2 ราย ที่เข้ามาโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก สารภาพก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เพื่อนำรถไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน
วันนี้ (27 มี.ค.) พ.ต.อ.แวสาแม สาและ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก แถลงผลการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในเขตพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ว่า ภายหลังเกิดเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ชาตรี รัตนคช รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.ต.มาโนช หวังสู้ศึก สารวัตรฝ่ายสืบสวนสอบสวน และเจ้าหน้าที่ออกติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 ราย
คือ นายมูฮัมหมัด ฟาอิช ฟาร์ฮาน มาฮาดิ อายุ 28 ปี และนายมูฮัมหมัด ฟาริส ฟาร์ฮาน มาฮาดิ อายุ 19 ปี ชาวมาเลเซีย พร้อมของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน คือ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีขาว ป้ายทะเบียน ขงพ 639 นราธิวาส รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน ขจร 51 นราธิวาส รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน กชก 90 นราธิวาส (ป้ายทะเบียนปลอม) และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฮีโก้ สีดำ ทะเบียน DCC 4252 ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนมาเลเซีย เป็นรถ 2 คันที่ใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้ ยังพบเหล็กดัดแปลงเป็นกุญแจสำหรับใช้ในการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 อัน หมวกนิรภัย จำนวน 2 ใบ และป้ายทะเบียนปลอม
ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก ระบุ คนร้ายได้รับสารภาพว่า ตนกับพวกได้ตระเวนหาเหยื่อตามสวนสาธารณะ และสถานที่จอดรถในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อพบรถจักรยานยนต์ที่ต้องการซึ่งรับใบสั่งมาจากลูกค้า ก็จะนำรถจักรยานยนต์ของตนไปจอดข้างๆ แล้วทำการโจรกรรมโดยใช้เหล็กดัดแปลงเป็นกุญแจทำการเสียบตรงหัวกุญแจ เมื่อนำรถออกมาได้แล้วจะขับขี่เข้าไปในประเทศมาเลเซีย บริเวณด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก หรือไปจอดไว้ตามสถานที่ต่างๆ ใน อ.สุไหงโก-ลก แล้วจึงกลับมานำรถจักรยานยนต์ของตนออกมาจากจุดเกิดเหตุ ส่วนรถจักรยานยนต์ที่โจรกรรมมาได้จะนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย ในราคาคันละ 6,000-8,000 บาท โดยที่ผ่านมาได้ก่อเหตุโจรกรรมรถไปแล้วหลายคัน
ทั้งนี้ พ.ต.อ.แวสาแม สาและ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก กล่าวเพิ่มว่า จากนี้ไปจะขยายผลการจับกุม โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศมาเลเซีย เพื่อจับกุมกลุ่มขบวนการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ รวมทั้งตัดวงจรการก่อเหตุออกไปให้หมด อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ให้เพิ่มความระมัดระวัง ด้วยการล็อกกุญแจรถ พร้อมกับล็อกล้อรถทุกครั้งที่ต้องจอดรถจักรยานยนต์ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ
วันนี้ (27 มี.ค.) พ.ต.อ.แวสาแม สาและ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก แถลงผลการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในเขตพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ว่า ภายหลังเกิดเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ชาตรี รัตนคช รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.ต.มาโนช หวังสู้ศึก สารวัตรฝ่ายสืบสวนสอบสวน และเจ้าหน้าที่ออกติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 ราย
คือ นายมูฮัมหมัด ฟาอิช ฟาร์ฮาน มาฮาดิ อายุ 28 ปี และนายมูฮัมหมัด ฟาริส ฟาร์ฮาน มาฮาดิ อายุ 19 ปี ชาวมาเลเซีย พร้อมของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน คือ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีขาว ป้ายทะเบียน ขงพ 639 นราธิวาส รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน ขจร 51 นราธิวาส รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน กชก 90 นราธิวาส (ป้ายทะเบียนปลอม) และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฮีโก้ สีดำ ทะเบียน DCC 4252 ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนมาเลเซีย เป็นรถ 2 คันที่ใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้ ยังพบเหล็กดัดแปลงเป็นกุญแจสำหรับใช้ในการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 อัน หมวกนิรภัย จำนวน 2 ใบ และป้ายทะเบียนปลอม
ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก ระบุ คนร้ายได้รับสารภาพว่า ตนกับพวกได้ตระเวนหาเหยื่อตามสวนสาธารณะ และสถานที่จอดรถในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อพบรถจักรยานยนต์ที่ต้องการซึ่งรับใบสั่งมาจากลูกค้า ก็จะนำรถจักรยานยนต์ของตนไปจอดข้างๆ แล้วทำการโจรกรรมโดยใช้เหล็กดัดแปลงเป็นกุญแจทำการเสียบตรงหัวกุญแจ เมื่อนำรถออกมาได้แล้วจะขับขี่เข้าไปในประเทศมาเลเซีย บริเวณด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก หรือไปจอดไว้ตามสถานที่ต่างๆ ใน อ.สุไหงโก-ลก แล้วจึงกลับมานำรถจักรยานยนต์ของตนออกมาจากจุดเกิดเหตุ ส่วนรถจักรยานยนต์ที่โจรกรรมมาได้จะนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย ในราคาคันละ 6,000-8,000 บาท โดยที่ผ่านมาได้ก่อเหตุโจรกรรมรถไปแล้วหลายคัน
ทั้งนี้ พ.ต.อ.แวสาแม สาและ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก กล่าวเพิ่มว่า จากนี้ไปจะขยายผลการจับกุม โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศมาเลเซีย เพื่อจับกุมกลุ่มขบวนการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ รวมทั้งตัดวงจรการก่อเหตุออกไปให้หมด อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ให้เพิ่มความระมัดระวัง ด้วยการล็อกกุญแจรถ พร้อมกับล็อกล้อรถทุกครั้งที่ต้องจอดรถจักรยานยนต์ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ