“เปี่ยน กี่สิ้น” ประกาศเดินหน้าพัฒนาเมืองป่าตอง ไม่หนักใจแข่งกับอดีต ส.ส.ภูเก็ต

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “เปี่ยน กี่สิ้น” ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกฯ ป่าตอง หมายเลข 2 กลุ่มรักป่าตอง ประกาศเดินหน้าพัฒนาเมืองป่าตอง 7 ด้าน ทั้งการศึกษา สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต เพื่อให้ป่าตองเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน เผยไม่หนักใจที่ต้องแข่งกับอดีต ส.ส.ภูเก็ต “เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์” เพราะที่ผ่านมา ทำเพื่อคนป่าตองมาโดยตลอด มีผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรมจับต้องได้

เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (26 มี.ค.) ที่บริเวณชายหาดกะหลิม อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายเปี่ยน กี่สิ้น ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง หมายเลข 2 กลุ่มรักป่าตอง เปิดแถลงข่าวถึงนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งนายกเทศบาลเมืองป่าตอง ของกลุ่มรักป่าตอง ภายใต้สโลแกน เราทำแล้ว เราทำจริงจัง เราพร้อมที่จะทำต่อไป ทำเพื่อประชาชนชาวป่าตอง โดยนำเสนอผลงานของกลุ่มรักป่าตอง ที่ได้ทำไปแล้ว 7 ด้าน สร้างคน สร้างงาน สร้างเมือง คือ

โครงการก่อสร้างถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองป่าตอง ที่ทางกลุ่มรักป่าตองได้ดำเนินการมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ถนนทวีวงศ์ ถนนราษอุทิศ 200 ปี ถนนห้าสิบปี ถนนไตรตรัง ถนนเพชรกูด ถนนผังเมืองสาย ก ฯลฯ และอีกหลายเส้นทาง นอกจากนี้ ได้มีการซื้อที่ดินจากเอกชนเพื่อขยายมุมตามสามแยก และสี่แยกเพื่อให้การจราจรคล่องตัว และที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ โครงการอุโมงค์ป่าตอง-กะทู้ เพื่อแก้ปัญหาการจราจร และอุบัติเหตุบนเขาป่าตอง

การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้ป่าตองเป็นเมืองสีเขียว ซึ่งกลุ่มรักป่าตองได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลสภาพสิ่งแวดล้อมในเขตเทศบาลเมืองป่าตองไม่ให้เสื่อมโทรม โดยเฉพาะเรื่องน้ำเน่าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามการเติบโตของการท่องเที่ยว ได้มีการเริ่มโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียมาตั้งแต่ปี 2532 โดยการก่อสร้างอาคารบ่อบำบัดน้ำเสีย จากงบประมาณกรมโยธิการ รองรับน้ำเสียได้ 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เมื่อเมืองป่าตองขยายตัวปริมาณน้ำเสียเพิ่มมากขึ้น จึงได้ทำโครงการระบบบำบัดน้ำเสียอีก 4 เฟส เฟสแรก ก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติมด้วยงบประมาณ 300 ล้านบาท เฟสที่ 2 ใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท เฟสที่ 3 สร้างบ่อขังเพิ่มเติมจนสามารถรองรับน้ำเสียได้ถึง 9,000 ลูกบาศก์เมตร และเฟสที่ 4 ได้จัดทำบ่อสูบส่ง เพื่อให้ระบบบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อมอีก 150 ล้านบาท เพื่อรองรับน้ำเสียให้ได้มากกว่า 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถรองรับน้ำเสียได้ทั้งระบบ และที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ โครงการนำน้ำเสียที่ได้จากการบำบัดมาผลิตเป็นน้ำดี หรือการผลิตน้ำอาร์-โอ โดยการร่วมทุนกับเอกชนที่ต้องใช้งบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการประตูน้ำที่คลองปากบาง ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก อบจ.ภูเก็ต เพื่อป้องกันน้ำทะเลหนุนในช่วงหน้าฝน และป้องกันน้ำเสียไม่ให้ลงทะเล

ด้านการศึกษา ทางกลุ่มรักป่าตองได้ให้ความสำคัญต่อการศึกษาเป็นอันดับ 1 เพราะได้เล็งเห็นถึงความสำคัญด้านการศึกษาของบุตรหลาน ไม่ว่าจะเป็นโครงการสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์ที่ 1 และ 2 โครงการก่อสร้างโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนไสน้ำเย็น สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย

ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ได้รับรางวัลให้เป็นเมืองป้องกันภัยพิบัติยอดเยี่ยมจาก UN แห่งเดียวในประเทศไทย โครงการติดตั้ง CCTV ด้านไฟฟ้าแสงสว่าง จัดให้มีไฟฟ้าส่องสว่างตามแนวชายหาด และถนนสาธารณทุกสาย โครงการสายไฟฟ้าลงดินที่ถนนทวีวงศ์

ด้านส่งเสริมการท่องเที่ยว สนับสนุนให้มีศูนย์การค้าเพื่อรองรับการท่องเที่ยว ทำถนนบางลาให้เป็นถนนคนเดินในยามค่ำคืน สนับสนุนการโรดโชว์ในต่างประเทศ และจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี ด้านสวัสดิการและสังคม ส่งเสริมกิจกรรมในชุมชนต่างๆ

นายเปี่ยน กล่าวต่อว่า นโยบายทั้ง 7 ด้านนี้ กลุ่มรักป่าตองจะดำเนินการต่อไปหากได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองป่าตองในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย โดยปัญหาต่างๆ ที่ทางผู้สมัครรายอื่นๆ มองว่าเป็นสิ่งที่คนป่าตองต้องทนนั้น เป็นสิ่งที่ตนดำเนินการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด และบางปัญหาก็กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

และถามว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ตนหนักใจหรือไม่นั้น ตนไม่ได้หนักใจต่อการแข่งขันครั้งนี้ เพราะตลอดเวลาที่บริหารเทศบาลเมืองป่าตอง ตนทำเพื่อคนป่าตองมาโดยตลอด มีผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรม และคนป่าตองรู้จักตนดีว่าตนเป็นคนอย่างไร ส่วนจะได้รับเลือกอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับคนป่าตองว่ายังอยากจะให้ตนเข้ามาดูแลปัญหาของป่าตองอีกหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวแล้วตนพร้อม และจะทำเพื่อคนป่าตองอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ภายหลังแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแล้ว นายเปี่ยน พร้อมผู้สมัครสมาชิกเทศบาลป่าตอง ทั้ง 3 เขต 4 คน ได้ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณบ้านกะหลิม ซึ่งได้รับการตอบรับจากชาวกะหลิมและชาวป่าตองเป็นอย่างดี