ผวจ.ภูเก็ตระดมสมองป้องกันแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนช่วงหน้าแล้ง

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซักซ้อมความเข้าใจในการป้องกัน แก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนแก่ประชาชนจากภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ขณะที่ชลประทาน และประปาภูมิภาคภูเก็ต ยืนยันปริมาณน้ำดิบเพียงพอถึงเดือนพฤษภาคมนี้อย่างแน่นอน

วันนี้ (14 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ประชุมซักซ้อมเพื่อทำความเข้าใจ ในการเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาจากภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องน้ำให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งในด้านอุปโภคบริโภค และภาคการเกษตร

โดยมี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 อุตุนิยมวิทยาจังหวัดภูเก็ต ชลประทานจังหวัดภูเก็ต เกษตรและสหกรณ์จังหวัดภูเก็ต ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต การประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต เกษตรจังหวัดภูเก็ต/ประมงจังหวัดภูเก็ต และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต ทั้ง 19 แห่ง

นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานในครั้งนี้ว่า ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับรายงานถึงสภาวการณ์เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นห้วงเวลานาน ในจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือนมกราคม-กลางเดือนมีนาคม 2557 ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามีจำนวนน้อยมากในรอบ 30 ปี ทั้งนี้ อุตุนิยมวิทยาจังหวัดภูเก็ต คาดการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 15-19 มีนาคมนี้ อาจจะมีภาวะฝนตกในภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีปริมาณฝนตกในภูเก็ตหรือไม่

ขณะที่ปริมาณน้ำต้นทุนของจังหวัดภูเก็ตในขณะนี้ ที่เขื่อนบางวาด มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 3.3 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนบางเหนียวดำ 6.61 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งชลประทานภูเก็ต และประปาภูมิภาคสาขาภูเก็ต ยืนยันว่า ปริมาณน้ำดิบต้นทุนเพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาไปจนถึงกลางเดือน พ.ค.57 ทั้งนี้ ทางชลประทานภูเก็ต ได้ทำข้อตกลงกับประปาภูมิภาคสาขาภูเก็ต และเทศบาลนครภูเก็ต ในการลดปริมาณการจ่ายน้ำดิบสำหรับการผลิตน้ำประปาลง คือ จ่ายน้ำดิบแก่ประปาภูมิภาคสาขาภูเก็ตจาก 35,000 ลบ.ม.ต่อวัน เหลือ 25,000 ลบ.ม. และเทศบาลนครภูเก็ต จาก 25,000 ลบ.ม.เหลือ 20,000 ลบ.ม. ต่อวัน ทั้งนี้ เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เกิดความสมดุลมากที่สุด แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายน้ำประปาแก่ประชาชน

ในส่วนของภาคการเกษตร นั้น โดยเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างสับปะรดภูเก็ต รวมถึงเกษตรกรที่ปลูกผักบุ้ง หน่อไม้น้ำ และนาบัว ยังไม่ได้ผลกระทบจากภาวะฝนทิ้งช่วง เนื่องจากทางเกษตรจังหวัดภูเก็ต แจ้งให้เกษตรกรชะลอการเร่งผลิตสัปปะรดภูเก็ตออกไป รวมทั้งให้เกษตรปรับเปลี่ยนการปลูกพืชในฤดูแล้ง

อย่างไรก็ตาม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากภาวะฝนทิ้งช่วงนาน โดยการตระเวนแจกจ่ายน้ำในพื้นที่ต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำการสำรวจประชาชนในพื้นที่ซึ่งได้รับความเดือดร้อน และผลกระทบจากภาวะดังกล่าว และรายงานต่อจังหวัดเป็นประจำทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป