xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มขับรถพ่วงพุ่งชนบ้าน-ร้านค้าขาลงสะพานท้าวเทพกระษัตรีเข้าภูเก็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หนุ่มขับรถพ่วงเกิดอาการชักเป็นลมบ้าหมู ก่อนขับรถพุ่งชนบ้านชาวบ้าน ได้รับความเสียหาย 1 หลัง โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต

เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (12 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกทรายพุ่งชนเข้าบ้านชาวบ้านได้รับความเสีย 1 หลัง ส่วนผู้ขับขี่ติดภายในรถ ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปไปตรวจสอบ และช่วยเหลือด้วย

หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.สันติ ประกอบปราณ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย จึงรายงานไปให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และอาสามูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจุดบ้านคอเอน เจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.ไม้ขาว เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเห็นประชาชนยืนดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก พบรถพ่วงบรรทุก 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 80-7426 ภูเก็ต และพ่วงท้าย ทะเบียน 80-7427 ภูเก็ต ซึ่งบรรทุกทรายเต็มคันรถ ของบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต พุ่งชนเข้าบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำได้รับความเสียหาย เลขที่ 96/2ม.5 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งมี นายอรุณ แซ่อิ๋ว เป็นเจ้าของบ้าน ขณะเกิดเหตุชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ได้วิ่งหนีตายกันวุ่น ตรวจสอบผู้ขับขี่ติดอยู่ภายในรถ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันงัดร่างผู้ขับขี่ออกมาซึ่งได้รับบาดเจ็บมีแผลที่ศีรษะ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต

จากการสอบสวนชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า เห็นรถพ่วงบรรทุก 18 ล้อ ซึ่งบรรทุกทรายเต็มคันรถวิ่งมาจากบ้านท่านุ่น ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต ด้วยความเร็ว พอวิ่งลงถึงขาลงสะพานท้าวเทพกระษัตรี (สะพานสารสิน) บริเวณบ้านท่าฉัตรไชย รถพ่วงคันดังกล่าวเกิดเสียหลักขับกระแทกป้ายสะพานท้าวเทพกระษัตรี และแผงกันทางได้รับความเสียหาย ก่อนพุ่งเข้าชนบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำอย่างจัง ทำให้บ้านได้รับความเสียหาย ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีเจ้าของร้าน และลูกค้าที่มาซื้อของในร้านได้เห็นเหตุการณ์ และวิ่งหลบหนีได้ทัน ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนคาดว่า คนขับมีอาการชักเป็นลมบ้าหมู จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะทำการสอบสวนต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น