ระนอง - ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดระนอง มั่นใจจัดการเลือกตั้ง ส.ว.ระนอง จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ภายหลังเรียกประชุมผู้สมัคร และผู้ช่วยหาเสียงทำความเข้าใจการจัดการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ห้องพุทธชาติ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดระนอง (กกต.) ได้เชิญผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนอง ทั้ง 5 ราย พร้อมผู้ช่วยหาเสียง ร่วมประชุมชี้แจงทำความเข้าใจถึงแนวทางการจัดการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ เพื่อสร้างความเข้าใจในข้อกฎหมายการเลือกตั้ง และป้องกันการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง และการร้องเรียนต่างๆ โดยผู้สมัครทั้ง 5 ราย เดินทางมาร่วมประชุมด้วยตนเอง
ทั้งนี้ กกต.ระนอง ได้เน้นย้ำจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแต่ละคน ต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท พร้อมทั้งให้ผู้สมัครแต่ละรายตั้งสมุห์บัญชี รายงานค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเลือกตั้งให้ กกต.ตรวจสอบได้ และทาง กกต.จะจัดเวทีกลางให้ผู้สมัครทุกรายได้ปราศรัยแนะนำตัวอย่างน้อย 1 แห่ง ก่อนวันเลือกตั้ง ภายหลังจากการประชุมชี้แจงเสร็จสิ้นได้มีการกล่าวปฏิญาณตนของผู้สมัครทุกคน ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพันธสัญญาร่วมกันที่จะปฏิบัติตามกฎหมายการเลือกตั้ง ด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ซื่อสัตย์ โดยมุ่งประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ หลังจากนั้น ผู้สมัครทุกราย และ กกต.ระนองได้ร่วมจับมือสร้างความสมานฉันท์
พล.ต.ต.ปริญญา ขวัญยืน ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดระนอง กล่าวว่า การเชิญผู้สมัครทั้ง 5 รายมาในวันนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีข้อสงสัยทั่วไปเกี่ยวกับการหาเสียงในพื้นที่อยู่บ้าง และได้กำชับให้ระวังในเรื่องของการอำนวยความสะดวกจัดรถรับส่งผู้มาลงคะแนน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ ในส่วนของการจัดหากรรมการเลือกตั้งประจำหน่วย คาดว่าจะไม่มีปัญหา และจะมีการจัดอบรมเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งระหว่างวันที่ 18 ถึง 20 มีนาคมนี้ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
หลังจากนั้น จะจัดอบรมให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งอาจจัดอบรมก่อนวันเลือกตั้ง 2 ถึง 3 วัน ในส่วนของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทาง กกต.ระนอง ได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่หน่วยเลือกตั้งที่มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน และหากชื่อสูญหายตกหล่น สามารถยื่นเพิ่มรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ภายในวันที่ 20 มีนาคมนี้ ที่สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น