ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จมแล้วเรือบรรทุกสินค้า “ธนาภรณ์” หลังถูกเพลิงไหม้อย่างหนัก เจ้าของเรือเผยมูลค่าความเสียหายประมาณ 6 ล้านบาท ขณะที่ตัวเองพร้อมลูกน้องรอดหวุดหวิด หลังตัดสินใจสละเรือกระโดดลงทะเลได้รับการช่วยเหลือจากเรือที่แล่นผ่านมา
พ.ต.ท.ฉัตรชัย ศักดิ์ดี สารวัตร ตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 8 กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต ได้รับแจ้งมีเหตุเรือบรรทุกสินค้าถูกเพลิงไหม้กลางทะเลอันดามัน โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากเกาะนาคา จ.ภูเก็ต ประมาณ 2 กิโลเมตร ว่า หลังรับแจ้งทางตำรวจน้ำ โดย พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สารวัตรทำหน้าที่ปราบปรามทางน้ำ 3 กองกำกับการ 8 ตรวจการณ์คุณพุ่ม 814 ออกไปให้ความช่วยเหลือ เมื่อไปถึงพบว่าไฟได้ไหม้เรือเกือบหมดทั้งลำ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำจึงได้ระดมกำลังฉีดน้ำเพื่อดับเพลิง แต่สุดท้ายเรือลำดังกล่าวได้จมลงในทะเลในเวลาประมาณ 17.30 น. ทางเจ้าหน้าที่จึงได้วางทุ่นแสดงจุดเรือจมไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เรือที่สัญจรผ่านไปมาชน
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า เรือลำดังกล่าวชื่อเรือ ธนาภรณ์ มีนายสมปอง ไม้แก้ว อายุ 42 ปี เป็นเจ้าของ ซึ่งขณะที่เกิดเหตุมีคนอยู่บนเรือทั้งหมด 4 คน ขณะเกิดเหตุทั้งหมดได้สละเรือ และกระโดดลงทะเล และมีเรือรุ่งรัศมี ซึ่งแล่นผ่านมาเข้าทำการช่วยเหลือมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือบางโรงได้อย่างปลอดภัย
สำหรับเรือลำดังกล่าว เป็นเรือไม้กว้าง 5 เมตร ยาว 23.5 เมตร ระวางขับน้ำ 35 ตัน บรรทุกรถยนต์ 1 คัน และของเก่าประเภทกระดาษ เศษเหล็ก ขวดพลาสติก และอื่นๆ ซึ่งเรือออกจากท่าเรือเกาะยาวน้อยในเลา 14.30 น. มุ่งหน้าท่าเทียบเรือบางโรง จ.ภูเก็ต ขณะเดินทางห่างจากเกาะนาคาใหญ่ ประมาณ 2 กิโลเมตร ได้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นอยางรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมเพลิงได้
ด้าน นายสมปอง ไม้แก้ว เจ้าของเรือเล่าถึงนาทีหนีตาย ว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.30 น.ได้ขนสินค้าคือ รถยนต์ 1 คัน กระดาษ-เหล็กอีกจำนวนหนึ่งนำมายังท่าเทียบเรือบ้านบางโรง ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขณะที่ขับเรือแล่นมาถึงหน้าเกาะนาคา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตนเห็นประกายเพลิงลุกไหม้ที่กองกระดาษบริเวณหัวเรือตนจึงนำถังดับเพลิงมาดับเพลิง แต่เพลิงได้โหมไหม้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสินค้าที่อยู่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เมื่อตนเห็นว่าไม่สามารถดับเพลิงได้แล้วจึงตัดสินใจกระโดดลงทะเล ในระหว่างนั้นก็มีเรือแล่นผ่านมาพอดี จึงเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรือนั้นถูกเพลิงเผาจนวอด และจมลงทะเลในเวลาต่อมา สำหรับมูลค่าความเสียหายคาดว่าประมาณ 6 ล้านบาท
