ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เผยความคืบหน้าคดียิงถล่มรถพนักงาน อบต.วัดจันทร์ เผยอยู่ในช่วงรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นได้ภาพรถคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ตั้งธงล้างแค้น 2 ขั้วการเมืองท้องถิ่น
วันนี้ (7 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่มรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำ ทะเบียน กจ 4571 พัทลุง เป็นเหตุให้พนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลวัดจันทร์ อ.สทิงพระ เสียชีวิตคารถ 2 คน คือ นายอาณัติ ขุนกลับอายุ 35 ปี น.ส.ณัฐณิชา เจริญสุข อายุ 22 ปี และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 3 คน คือ น.ส.รัตนา ศาบุตร์ อายุ 42 ปี น.ส.จิราพร มณีพรม อายุ 25 ปี และ นายวุฒิชัย เอกสินธุ์ อายุ 30 ปี เหตุเกิดบริเวณหน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เขตเทศบาลตำบลสทิงพระ เมื่อวานนี้
ล่าสุด วันนี้ พล.ต.ท. พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดีนี้ว่า ในด้านคดีมีความคืบหน้าไปมากทั้งจากการสอบสวนพยานที่เป็นคนเจ็บ และพยานในที่เกิดเหตุ 4-5 ราย ซึ่งจะเป็นช่องทางในการสืบสวน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ ความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น และเรื่องส่วนตัว และยังต้องสอบสวนในเชิงลึกด้วยว่าเป็นการเจตนาฆ่า นายอาณัติ ขุนกลับ คนขับรถที่เสียชีวิตโดยตรง หรือต้องการฆ่า นายสมยศ สักพันธ์ นายก อบต.วัดจันทร์ แต่พลาดเป้าเพราะรถที่ถูกยิงถล่มกับรถที่นายสมยศ ใช้นั้นเหมือนกัน สำหรับกลุ่มมือปืนที่ลงมือก่อเหตุนั้นเป็นกลุ่มเดียวกันกับคดีเก่าที่มีการฆ่าล้างแค้นกันไปมาระหว่าง 2 ขั้วการเมืองที่มีอิทธิพลในอำเภอสทิงพระ
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้นเป็นรถเก๋งสีขาวตามที่พยานยืนยันหรือไม่ ทางชุดสืบสวนทั้งของภาค 9 ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสงขลา และสภ.สทิงพระ กำลังแบ่งงานไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี ซึ่งบางจุดสามารถจับภาพรถต้องสงสัยไว้ได้แล้ว ส่วนหลักฐานอื่นนั้นมีการเก็บปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 8 ปลอกไปตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังพบปลอกกระสุนปืนที่ยิงต่อสู้ออกมาจากภายในรถของพนักงาน อบต.ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากชุดสืบสวนว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปทาง จ.พัทลุง ส่วนแนวทางการสืบสวนให้น้ำหนักไปที่การมุ่งฆ่า นายสมยศ นายก อบต.วัดจันทร์ เพียงคนเดียว ทั้งนี้ เนื่องจาก นายสมยศ รู้ตัวมาก่อนว่าถูกตามฆ่า จึงได้จัดซื้อรถยนต์ยี่ห้อรุ่นเดียวกัน มีสีเดียวกัน จำนวน 2 คัน เพื่อใช้ส่วนตัว และใช้ในสำนักงาน จึงเป็นไปได้ที่ทำให้คนร้ายเข้าใจผิดนึกว่าเป็นรถที่นายสมยศ นั่งมา เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ นายสมยศ ได้เดินทางมาจากอำเภอสิงหนคร ด้วยรถมิตซูบิชิปาเจโร และขับเข้าไปยัง อบต. ก่อนที่รถมิตซูบิชิปาเจโร ที่พนักงาน อบต.จะวิ่งออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายที่ติดตามมาจึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรถที่ นายสมยศ นั่งมาจึงติดตามไปยิงถล่ม ส่วนคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุคาดว่าเป็นมือปืนจากซุ้มพัทลุง