นราธิวาส - ตำรวจนราฯ แถลงรวบตัว 2 ทหารพรานยิงเด็ก 3 พี่น้องตายอย่างโหดเหี้ยมที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ด้านผู้ว่าฯ เผยเป็นคดีสะเทือนขวัญต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานถึง 1 เดือน พร้อมกล่าวสาเหตุจากเรื่องส่วนตัว ยืนยันไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ หนึ่งในผู้ต้องหาสารภาพเข้าในผิดคิดว่า “นายเจ๊ะมุ” บิดาเด็กผู้ตายเป็นผู้ยิงพี่ชายตนเอง
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผวจ.นราธิวาส พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้เบิกตัว 2 เจ้าหน้าที่ทหารพราน อันประกอบด้วย อส.ทพ.มะมิง บินมามะ อายุ 21 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4607 กรมทหารพรานที่ 46 ตามหมายจับที่ จ.77/2557 ลงวันที่ 1 มี.ค.57 และ อส.ทพ.ซากือระ เจ๊ะแซ อายุ 25 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4609 กรมทหารพรานที่ 46 ตามหมายจับที่ จ.78/2557 ลงวันที่ 1 มี.ค.57 ซึ่งให้การรับสารภาพรับหลังถูกจับได้เมื่อวันที่ 1 มี.ค.57 ที่ผ่านมาว่า ร่วมกับพวกอีก 1 คน ที่หลบหนีใช้อาวุธปืนยิงบุกยิง ด.ช.บาฮารี มะมัน ด.ช.มูยาเฮะ มะมัน และ ด.ช.อาลียะ มะมัน เสียชีวิต 3 ศพ และยิง นางฟาดีละ แมยู ซึ่งเป็นมารดาได้รับบาดเจ็บสาหัส และนายเจ๊ะมุ มะมัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุเกิดในช่วงคืนของวันที่ 3 ก.พ.57 ที่ผ่านมา ที่บ้านเลขที่ 143/4 ม.7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
โดยนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผวจ.นราธิวาส กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม จนสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ และเพื่อให้เห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นเรื่องความโกรธแค้นส่วนตัว ไม่ใช่คดีความมั่นคง ด้าน พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้แถลงข่าวพร้อมนำโปสเตอร์มาประกอบว่า คดีดังกล่าวเป็นเรื่องความโกธรแค้นส่วนตัวไม่ใช่ปัญหาความมั่นคง โดยมูลเหตุจากการสอบสวนปากคำ อส.ทพ.มะมิง 1 ใน 3 ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ที่ร่วมกับพวกลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ เชื่อว่า นายเจ๊ะมุ เป็นคนยิงนายอับดุลเลาะ บินมามะ ซึ่งเป็นพี่ชาย และนางรอกีเยาะ สระราวอ ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ ซึ่งตั้งท้อง 4 เดือน เสียชีวิตในพื้นที่ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ส.ค.56 ที่ผ่านมา
ในฐานะที่พี่ชายของตนไปเป็นพยานในคดีที่ นายเจ๊ะมุ ยิง ผช.ผญบ. อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เสียชีวิต แต่หลักฐานไม่เพียงพอ ศาล จ.ปัตตานี ได้ยกฟ้อง ตนจึงได้ติดตามคดีคนร้ายยิงพี่ชาย และพี่สะใภ้อย่างต่อเนื่องแต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงได้ตัดสินใจร่วมกับ อส.ทพ.ซากือรี และพวกที่หลบหนีอีก 1 คน ใช้อาวุธปืนอาก้า เอ็ม.16 และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.บุกยิงครอบครัวดังกล่าว เพื่อเป็นการล้างแค้น แต่นายเจ๊ะมุ และนางฟาดีละ รอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด
ซึ่ง พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ซึ่งคดีคนร้ายยิงนายอับดุลเลาะ บินมามะ ซึ่งเป็นพี่ชายของ อส.ทพ.มะมิง นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน แต่เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ จึงทำให้มีความล่าช้า แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อ อส.ทพ.มะมิง มั่นใจว่านายเจ๊ะมุ ยิงพี่ชาย และพี่สะใภ้ของเขาเสียชีวิตจริงดังที่เขาคิด ก็จะให้ความเป็นธรรมแก่ นายเจ๊ะมุ ว่าก่อคดีดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งต้องเป็นไปตามกระบวนการสอบสวน หากพบว่าใครผิดเราต้องดำเนินคดีทั้งนั้น ส่วนคนร้ายที่หลบหนีอีก 1 คนนั้น ขณะนี้ขอสงวนชื่อและนามสกุล เกรงจะเสียรูปคดี แต่ถึงอย่างไรเราก็จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ด้าน อส.ทพ.มะมิง กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นตนก็เสียใจแต่ที่ทำไปเพราะความโกรธ ไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับต้นสังกัดที่ตนทำงานอยู่ และไม่ใช่เป็นคดีความมั่นคง ส่วนอาวุธปืนเอ็ม 16 ที่ตนใช้ขณะนี้ปืนของกลางดังกล่าวเพื่อนทหารพรานสังกัดกรมทหารพรานที่ 45 อ.ระแงะ ซึ่งถูกยิงตายเมื่อเดือนมกราคม 57 ที่ผ่านมา ยืมไปใช้ ส่วนอาวุธปืนอาก้าที่อส.ทพ.ซากือรี ใช้ก่อเหตุนั้น อส.ทพ.ซากือรื ได้นำไปโยนทิ้งในแม่สายบุรีเพื่อทำลายหลักฐาน ส่วนอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.เพื่อนอีกคนที่หลบหนีนำติดไปด้วยหลังก่อเหตุ
