ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายอำเภอเมืองภูเก็ต จี้หน่วยงานรับผิดชอบเร่งกำจัดน้ำเสียในคลองหนองหาน หลังกลายเป็นแหล่งกักน้ำเสียจนไหลทะลักลงทะเล ทำหาดกะรนเน่า พร้อมเร่งทำความเข้าใจผู้ประกอบการ ประชาชนไม่ให้ทิ้งขยะ ปล่อยน้ำเสียลงคลอง พบจัดการขั้นเด็ดขาด
นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาน้ำเสียจากคลองหนองหาน หมู่ที่ 1 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่ไหลทะลักลงทะเลที่บริเวณปากอ่าวคลองหนองหาน ทำให้น้ำทะเลบริเวณดังกล่าวกลายเป็นสีดำบริเวณกว้าง โดยน้ำจากคลองยังไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในช่วงเย็นวานนี้ (24 ก.พ.) พบว่าปริมาณน้ำเสียที่ไหลลงทะเลเริ่มเจือจางลงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีน้ำเน่าไหลลงทะเลอยู่
ซึ่งจากการตรวจสอบคาดว่า สาเหตุที่ทำให้น้ำในลำคลองดังกล่าวเน่าเสียน่าจะเกิดจากการปล่อยน้ำเสีย และการทิ้งขยะของสถานประกอบการต่างๆ ทั้งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมทั้งการทิ้งน้ำเสีย และขยะจากครัวเรือนลงคลองทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย และวันนี้พบว่าปริมาณน้ำในลำคลองมีมากขึ้น และไหลล้นลงทะเล ทำเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น
สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียจากลำคลองหนองหาน ไหลลงทะเลนั้น ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเทศบาลตำบลกะรน ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เข้าไปแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าก่อน โดยการจัดเก็บขยะที่อยู่ในลำคลองซึ่งเป็นสาเหตุของน้ำเสีย ออกจากพื้นที่นำไปกำจัด รวมทั้งเอาน้ำที่เน่าเสียออกมา ถ้าทำได้เร็วปัญหาเรื่องน้ำเสียก็จะหมดไป
หลังจากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งท้องถิ่น และในส่วนของกำนันผู้ใหญ่บ้านเองจะต้องร่วมมือกันในการดูแก้ปัญหา และที่สำคัญจะต้องเข้าไปควบคุมดูแลไม่ให้สถานประกอบการ และชุมชนทั้งหลายที่อยู่บริเวณแนวคลองปล่อยน้ำเสีย และทิ้งขยะลงไปในคลอง เพราะเมื่อเกิดการหมักหมมก็จะทำให้มีปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจ และสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน และผู้ประกอบการหันมาใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นายภาคภูมิ กล่าวต่อไปว่า หลังจากมีการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน และทำความเข้าใจกับประชาชน และผู้ประกอบการแล้ว จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปเฝ้าระวัง หากพบว่ามีผู้ประกอบการลักลอบปล่อยน้ำเสีย หรือทิ้งขยะลงคลองก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเที่ยงวันนี้ (25 ก.พ.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จะนำหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตั้งหมดลงพื้นที่เพื่อติดตามตรวจสอบ และหามาตรการในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนต่อไป