ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้นำ นศ. 16 สถาบันภาคใต้ ร่วมลงนาม MOU “มหาวิทยาลัยปลอดเหล้า” เพื่อขับเคลื่อนการป้องกันแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา และพื้นที่รอบสถาบัน พร้อมสนับสนุนเป็นวาระสำคัญสู่การปฏิรูปประเทศ
เมื่อวาน (9 ก.พ.) ที่ผ่านมา ที่บริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ผู้นำนักศึกษาจาก 16 สถาบัน ทั่วภาคใต้ ประกอบด้วย สถาบันพลศึกษา วิทยาเขตชุมพร สถาบันพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่ วิทยาลัยชุมชนระนอง วิทยาลัยชุมชนพังงา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ วิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือมหาวิทยาลัยปลอดเหล้า เพื่อขับเคลื่อนการป้องกันแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา และพื้นที่รายรอบสถาบัน โดยได้รับเกียรติจาก ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มารวย เมฆานวกุล รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา ศิลปะ และวัฒนธรรม ม.วลัยลักษณ์ ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน
ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต กล่าวในพิธีลงนามความร่วมมือมหาวิทยาลัยปลอดเหล้าว่า รู้สึกดีใจที่เห็นสถาบันอุดมศึกษาภาคใต้ ตระหนัก และให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยร่วมกันสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการประสานทำงานร่วมกันทั้งภาคใต้ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำเป็นต้องอาศัยพลังของนิสิตนักศึกษาในการจัดกิจกรรมรณรงค์ปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนตระหนักถึงพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ด้าน ผศ.ดร.มารวย เมฆานวกุล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดโครงการสัมมนาเครือข่ายอุดมศึกษาภาคใต้รวมใจต้านภัยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีการลงนามดังกล่าวขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการป้องกันแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา และพื้นที่รายรอบสถาบัน ตลอดจนการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง การควบคุมตามกฎหมายร่วมกับภาคีชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสร้างภูมิคุ้มกัน การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ในสถาบันเพื่อนำไปสู่การลดผลกระทบความรุนแรงของสถานการณ์ปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันร้านเหล้ารอบสถานศึกษามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีการนำกลยุทธ์ทางการขายเพื่อเข้าถึงกลุ่มนักศึกษาที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ส่งผลกระทบต่อปัญหาการใช้ชีวิตของนักศึกษา เช่น ผลการเรียนต่ำ การพ้นสภาพนักศึกษา ปัญหาอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท ชู้สาว รวมถึงการใช้สารเสพติด ซึ่งโครงการนี้จะช่วยลดปัญหาต่างๆ เหล่านี้ลงได้ และขอฝากไปถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ตระหนักเพื่อนำปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผลักดันให้เป็นวาระหนึ่งของการปฏิรูปประเทศไทยด้วย
