ศูนย์ข่าวภูเก็ต - มวลชน กปปส.ภูเก็ต นำภาพถ่ายวีรบุรุษผู้กล้า “ประคอง ชูจันทร์” ขึ้นรถแห่รอบเมืองภูเก็ต เพื่อประกาศเกียรติคุณของผู้เสียสละให้ชาวจังหวัดภูเก็ตได้รับรู้ พร้อมนัดรวมตัวเคลื่อนขบวนใหญ่อีกครั้งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ตระเวนนำผ้าดำไปปิดป้ายหน่วยงานราชการต่างๆ ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลเป็นหลุมดำ ถึงเวลาที่ข้าราชการต้องออกมาประกาศจุดยืนของตัวเอง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 ม.ค.) บริเวณจุดรวมพลของมวลชน กปปส.ภูเก็ต หน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ได้มีการปล่อยขบวนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์จำนวนหลายสิบคัน เพื่อแห่รูปภาพ ของนายประคอง ชูจันทร์ อายุ 46 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดเข้าใส่กลุ่มพลังมอลชนขณะเดินรณรงค์ที่บริเวณถนนบรรทัดทอง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยขบวนได้เคลื่อนออกจากที่ตั้งมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสายสามกอง อ.เมือง ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนรถไปในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ ต.ฉลอง และ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณแก่นายประคอง ชูจันทร์ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุระเบิด โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ขว้างวัตถุคล้ายระเบิดเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.บริเวณถนนบรรทัดทอง ย่านเจริญผล เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา จนทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายราย และนายประคอง ก็เป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมที่ประสบเหตุได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าร่วมขบวนแห่เพื่อประกาศเกียรติคุณให้แก่นายประคอง ชูจันทร์ วีรบุรุษผู้กล้านั้น ได้มีการนำผืนผ้าสีดำมาติดตามแขนเสื้อ หรือผูกที่ข้อมือเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่นายประคองด้วย
นายอำนวย คุ้มบ้าน แกนนำ กปปส.ภูเก็ต กล่าวถึงการเคลื่อนขบวนในครั้งนี้ว่าเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่วีรบุรุษผู้กล้าที่ร่วมต่อสู้กันมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อกดดันรัฐบาลรักษาการให้ออกมารับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของนายประคอง หรือ “นโม” นั้นเป็นผู้เสียสละที่แท้จริงสมควรที่จะได้รับการยกย่อง และเชิดชูเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ภูเก็ต นั้น ในวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) จะมีการนัดรวมพลที่หน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อเคลื่อนขบวนไปตามหน่วยงานราชการทุกหน่วยในจังหวัดภูเก็ต โดยการเคลื่อนขบวนในวันพรุ่งนี้จะเอาผืนผ้าสีดำไปปิดป้ายชื่อของหน่วยงานต่างๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเป็นหลุมดำ มีการใส่ร้ายประชาชน ถือว่าเลวร้ายที่สุด และเพื่อแสดงให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการจะต้องประกาศจุดยืนของตัวเองได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ตนเชื่อว่าข้าราชการทุกคนรู้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด