นครศรีธรรมราช - 4 กกต.นครศรีธรรมราช เรียกนักข่าวบางสำนักเข้าทำความเข้าใจบทบาทหน้าที่ เจอม็อบเข้าล้อมเผ่นกระเจิง ว่าที่ ปธ.กกต.คนใหม่ เร่งเครื่องรถหนีเฉี่ยวม็อบฮือล้อมหวิดบานปลาย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (31 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ กกต.เขต 1, 2, 4, 6, 7, 9 เว้นเขต 3, 8 ได้เปิดรับสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช โดยใช้สถานที่ภายในกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไปได้จำนวนหนึ่ง ปรากฏว่าในส่วนของ กกต.จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เหลือจำนวน 4 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค ว่าที่ ปธ.กกต.คนใหม่ นายวิรัตน์ นิ่มวิจิตร ผอ.สทท.11 นครศรีธรรมราช ที่ควบตำแหน่ง กกต.จังหวัดอีก 1 ตำแหน่ง นายจำเนียร ชูคลี่ อดีตอัยการอาวุโส และ ดร.ทรงพล โสภณ อาจารย์ ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช ควบตำแหน่ง กกต.จังหวัด ได้รวมตัวกันที่โรงแรมเมืองลิกอร์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกับนัดหมายผู้สื่อข่าวเพื่อทำความเข้าใจ โดยเลือกนัดหมายเพียงบางสำนักเท่านั้น
โดยหลังจากที่ได้มีการพูดคุย มีเพียง พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค และนายวิรัตน์ นิ่มวิจิตร ที่มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า ไม่ได้เป็นการแถลงข่าวแต่เป็นพูดคุยทำความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของ กกต.จังหวัดเท่านั้น และห้ามบันทึกภาพใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ขณะที่ช่างภาพของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งได้ตั้งขากล้องแต่ไม่ได้มีการบันทึกภาพ เมื่อ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ เหลือบไปเห็นได้แสดงความไม่พอใจโดยบอกว่า “ผมไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ หากถ่ายผมทุบกล้อง” ขณะที่ช่างภาพคนดังกล่าวบอกกลับไปว่า “แค่ตั้งกล้องไม่ได้ถ่าย” ขณะที่นายจำเนียร ชูคลี่ และ ดร.ทรงพล โสภณ ได้ปลีกตัวออกไปจากโรงแรมก่อน
ภายหลัง นายวิรัตน์ นิ่มวิจิตร ผอ.สทท.11 นครศรีธรรมราช ที่ควบตำแหน่ง กกต.นครศรีธรรมราช อีก 1 ตำแหน่ง ระบุว่า ว่าที่ ปธ.กกต.คนใหม่ และ กกต.ได้หารือกันเพื่อทำความเข้าใจกับผู้สื่อข่าว ขณะที่ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค ได้พยายามอธิบายสรุปความได้ว่า ขอทำความเข้าใจบทบาทของ กกต.ไม่ได้เป็นการแถลงข่าวแต่เป็นการพูดคุยกัน เรื่องนี้แม้ว่าประธาน กกต.จะได้ลาออกไปแล้วก็ตาม ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ และยืนยันว่า กกต.จังหวัด ไม่มีบทบาทหน้าที่ในการรับสมัคร เพียงเป็นอำนาจของ กกต.เขตเลือกตั้งแต่ละเขต แต่ว่าที่ผ่านมา ได้มีประเพณีปฏิบัติในการสมัคร ส.ส.นั้นได้รวมกันสมัครที่เดียวกัน และในการสมัครครั้งนี้ไม่มีหน่วยงานใดให้ใช้สถานที่รวมถึงวัด ซึ่งมีการเจราขอใช้กันก่อนแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธภายหลัง จนในที่สุดได้ไปใช้สถานที่ในค่าย ตชด.42
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้มีการพูดคุยไปได้เพียงครู่เดียว ปรากฏว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่ทราบว่า กกต.จังหวัดมาประชุมอยู่ที่โรงแรมเมืองลิกอร์ ได้ทยอยมารวมตัวกันเพื่อแสดงการคัดค้านการทำหน้าที่ของ กกต. ส่วน กกต.ที่อยู่ในโรงแรมที่เหลืออยู่เพียง 2 คน คือ นายวิรัตน์ และ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก และผู้สื่อข่าวที่เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีก็ได้บอกว่าให้ กกต.ทั้ง 2 หลบไปก่อน
หลังจากนั้น ปรากฏว่า พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค ได้เดินไปที่รถยนต์ส่วนตัว และรีบเร่งเครื่องขับออกจากลานจอดรถกลับไปเฉี่ยวกับผู้ชุมนุมทำให้เกิดความไม่พอใจ ผู้ชุมนุมได้กรูเข้าไปล้อมรถยนต์ และพยายามให้ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ลงจากรถ ขณะที่ผู้ชุมนุมอีกส่วนพยายามเข้าไปห้ามปราม ขณะที่ผู้ชุมนุมได้เข้ามาสมทบอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบพยายามเข้าไปเจรจาคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งเป็นไปด้วยความตึงเครียด จนในที่สุดได้เจรจาลงที่ผู้เสียหายจะได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และทาง พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ เจ้าหน้าที่ได้เชิญไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เช่นกันเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (31 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ กกต.เขต 1, 2, 4, 6, 7, 9 เว้นเขต 3, 8 ได้เปิดรับสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช โดยใช้สถานที่ภายในกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไปได้จำนวนหนึ่ง ปรากฏว่าในส่วนของ กกต.จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เหลือจำนวน 4 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค ว่าที่ ปธ.กกต.คนใหม่ นายวิรัตน์ นิ่มวิจิตร ผอ.สทท.11 นครศรีธรรมราช ที่ควบตำแหน่ง กกต.จังหวัดอีก 1 ตำแหน่ง นายจำเนียร ชูคลี่ อดีตอัยการอาวุโส และ ดร.ทรงพล โสภณ อาจารย์ ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช ควบตำแหน่ง กกต.จังหวัด ได้รวมตัวกันที่โรงแรมเมืองลิกอร์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกับนัดหมายผู้สื่อข่าวเพื่อทำความเข้าใจ โดยเลือกนัดหมายเพียงบางสำนักเท่านั้น
โดยหลังจากที่ได้มีการพูดคุย มีเพียง พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค และนายวิรัตน์ นิ่มวิจิตร ที่มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า ไม่ได้เป็นการแถลงข่าวแต่เป็นพูดคุยทำความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของ กกต.จังหวัดเท่านั้น และห้ามบันทึกภาพใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ขณะที่ช่างภาพของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งได้ตั้งขากล้องแต่ไม่ได้มีการบันทึกภาพ เมื่อ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ เหลือบไปเห็นได้แสดงความไม่พอใจโดยบอกว่า “ผมไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ หากถ่ายผมทุบกล้อง” ขณะที่ช่างภาพคนดังกล่าวบอกกลับไปว่า “แค่ตั้งกล้องไม่ได้ถ่าย” ขณะที่นายจำเนียร ชูคลี่ และ ดร.ทรงพล โสภณ ได้ปลีกตัวออกไปจากโรงแรมก่อน
ภายหลัง นายวิรัตน์ นิ่มวิจิตร ผอ.สทท.11 นครศรีธรรมราช ที่ควบตำแหน่ง กกต.นครศรีธรรมราช อีก 1 ตำแหน่ง ระบุว่า ว่าที่ ปธ.กกต.คนใหม่ และ กกต.ได้หารือกันเพื่อทำความเข้าใจกับผู้สื่อข่าว ขณะที่ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค ได้พยายามอธิบายสรุปความได้ว่า ขอทำความเข้าใจบทบาทของ กกต.ไม่ได้เป็นการแถลงข่าวแต่เป็นการพูดคุยกัน เรื่องนี้แม้ว่าประธาน กกต.จะได้ลาออกไปแล้วก็ตาม ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ และยืนยันว่า กกต.จังหวัด ไม่มีบทบาทหน้าที่ในการรับสมัคร เพียงเป็นอำนาจของ กกต.เขตเลือกตั้งแต่ละเขต แต่ว่าที่ผ่านมา ได้มีประเพณีปฏิบัติในการสมัคร ส.ส.นั้นได้รวมกันสมัครที่เดียวกัน และในการสมัครครั้งนี้ไม่มีหน่วยงานใดให้ใช้สถานที่รวมถึงวัด ซึ่งมีการเจราขอใช้กันก่อนแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธภายหลัง จนในที่สุดได้ไปใช้สถานที่ในค่าย ตชด.42
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้มีการพูดคุยไปได้เพียงครู่เดียว ปรากฏว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่ทราบว่า กกต.จังหวัดมาประชุมอยู่ที่โรงแรมเมืองลิกอร์ ได้ทยอยมารวมตัวกันเพื่อแสดงการคัดค้านการทำหน้าที่ของ กกต. ส่วน กกต.ที่อยู่ในโรงแรมที่เหลืออยู่เพียง 2 คน คือ นายวิรัตน์ และ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก และผู้สื่อข่าวที่เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีก็ได้บอกว่าให้ กกต.ทั้ง 2 หลบไปก่อน
หลังจากนั้น ปรากฏว่า พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค ได้เดินไปที่รถยนต์ส่วนตัว และรีบเร่งเครื่องขับออกจากลานจอดรถกลับไปเฉี่ยวกับผู้ชุมนุมทำให้เกิดความไม่พอใจ ผู้ชุมนุมได้กรูเข้าไปล้อมรถยนต์ และพยายามให้ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ลงจากรถ ขณะที่ผู้ชุมนุมอีกส่วนพยายามเข้าไปห้ามปราม ขณะที่ผู้ชุมนุมได้เข้ามาสมทบอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบพยายามเข้าไปเจรจาคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งเป็นไปด้วยความตึงเครียด จนในที่สุดได้เจรจาลงที่ผู้เสียหายจะได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และทาง พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ เจ้าหน้าที่ได้เชิญไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เช่นกันเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
