ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เวทีปฏิรูปประเทศต้านระบอบทักษิณ ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ยังคงจัดอย่างต่อเนื่อง ด้านกลุ่ม ม.อ รักชาติ ยืนยันจัดต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนเข้าร่วมแสดงพลังในการปฏิรูปประเทศ
วันนี้ (23 ธ.ค.) เวลาประมาณ 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการปักหลักชุมนุมเวทีปฏิรูปประเทศไทยต้านระบอบทักษิณ ที่จัดโดยกลุ่ม ม.อ.รักชาติ ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยบรรยากาศในวันนี้เป็นไปอย่างเช่นเหมือนทุกวันที่ผ่านมา โดยมีการเปิดการถ่ายทอดสดการปราศรัยจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทางสถานีช่อง Blue Sky ให้ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมได้รับฟังตลอดระยะเวลา
ส่วนบรรยากาศประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นไปอย่างบางตา เนื่องจากประชาชนชาวหาดใหญ่บางส่วนได้เดินทางไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมากตั้งแต่วันที่ 22 ที่ผ่านมา จึงส่งผลให้ผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมที่เวทีหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่มีจำนวนน้อยกว่าที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางกลุ่ม ม.อ.รักชาติ ซึ่งเป็นผู้จัดเวทีดังกล่าว ยืนยันว่าจะยังคงจัดเวทีต่อไปเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมแสดงพลังในการปฏิรูปประเทศอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ทางกลุ่มยืนยันว่าประเทศไทยจะต้องมีการปฏิรูปอย่างจริงจังไม่ใช่ทำเพียงแค่รายงาน วิจัย หรือพูดเพียงแค่ลมปากเหมือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้เข้าร่วมชุมนุมท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงสูงวัยอายุราวๆ 70 ปี หญิงผู้นั้นได้แสดงความเห็นต่อผู้สื่อข่าวว่า “ตามจริงแล้วประเทศไทยควรที่จะมีการปฏิรูปมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปการเมือง ตนเองผ่านโลกมาเยอะเห็นความล้มเหลวเกือบจะทุกภาคส่วนของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา กฎหมาย สังคม ข้าราชการที่ทำงานรับใช้ภาคการเมืองมาเกือบทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจซึ่งตลอดช่วงชีวิตของตนไม่เคยเห็นองค์กรตำรวจทำงานเพื่อประชาชนแม้แต่น้อยถึงจะมีแต่ก็น้อยมาก ทั้งนี้ ในใจลึกๆ แล้วอีกด้านหนึ่งก็ต้องขอบคุณตระกูลชินวัตรที่ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่ไปกระตุ้นทำให้ประชาชนทั้งประเทศตื่นรู้ถึงความล้มเหลวของระบอบการเมืองในประเทศ อันทำให้ประเด็นเรื่องการปฏิรูปประเทศกลายเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่ประชาชนต้องการในขณะนี้ ทั้งที่ในสมัยก่อนมีการพูดเรื่องการปฏิรูปประเทศมานานแล้วแต่ไม่เคยได้รับความสนใจอย่างแท้จริง จะต้องขอบคุณตระกูลชินวัตรจริงๆ ถ้าตระกูลชินวัตร ไม่ทำร้ายประเทศไทยขนาดนี้ ประเทศไทยคงไม่มีทางปฏิรูปได้อย่างแน่นอน” หญิงสูงอายุกล่าวพลางยิ้มให้แก่ผู้สื่อข่าว