ระนอง - ทหาร ฉก.ร.25 ร่วมกับฝ่ายปกครอง ตม.ระนอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบประวัติชาวโรงฮิงญาในระนอง หลังพบว่ามีชาวโรฮิงญาเพิ่มอีกกว่า 60 ครัวเรือน จำนวนกว่า 200 คน หวั่นกระทบด้านความมั่นคง
วันนี้ (23 ธ.ค.) พ.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง โดยมีนายอำเภอเมืองระนอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระนอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบชุมชนชาวโรฮิงญา ในพื้นที่ ม.4 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง หลังจากทางหน่วยเฉพาะกิจได้รับข่าวสารอย่างไม่เป็นทางการจากชาวโรฮิงญารุ่นเก่า ว่า มีผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเลที่ได้อพยพเข้ามาในประเทศไทยโดยอาศัยอยู่ในจังหวัดระนอง และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญา โดยอาศัยพื้นที่ในจังหวัดระนอง เป็นแหล่งพักพิงชั่วคราว ก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 ต่อไป
พ.อ.เกรียงไกร เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร และตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงสำรวจข้อมูลในลักษณะการทำทะเบียนประวัติ และซักถามข้อมูลเบื้องต้นในชุมชนของชาวโรฮิงญาพื้นที่ดังกล่าว พบว่า มีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่ในชุมชนดังกล่าวรวม 23 ครัวเรือน มีจำนวน 95 คน (ข้อมูลล่าสุดเมื่อปี 2554) แต่จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในวันนี้ พบว่ามีจำนวนมากขึ้น จึงต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบข้อเท็จว่า จำนวนชาวโรฮิงญาที่เพิ่มขึ้นมานั้น เป็นการย้ายถิ่นฐาน หรือมีอัตราการเกิดที่เพิ่มขึ้น หรือเป็นการลักลอบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย ดังนั้น ในวันนี้จึงได้ให้ผู้นำชุมชนนำชาวโรฮิงญาที่อยู่ในชุมชนทั้งหมดมาทำการแสดงตัว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการจัดเก็บข้อมูลได้ถูกต้อง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลเดิมที่มีอยู่
นายธนิต กุลสุนทร นายอำเภอเมืองระนอง กล่าวว่า ชาวโรฮิงญาทั้ง 23 ครัวเรือนนั้นจะมีสถานะทางทางทะเบียนเป็นหมายเลขศูนย์ หรือเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ซึ่งทางอำเภอเมืองจะทำการตรวจสอบบัตรผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญาทั้งหมดว่าเป็นการออกบัตรอย่างถูกต้องหรือไม่ และในวันนี้ ทางอำเภอเมืองระนอง ลงมาสำรวจจำนวนชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในชุมชน ม.4 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อหาจำนวนตัวเลขที่ชัดเจนในปัจจุบัน และร่วมกับทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามาดูแลเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน ความเป็นอยู่ อาชีพ รวมถึงการช่วยเหลือทางด้านการศึกษาของเด็กนักเรียนชาวโรฮิงญาต่อไป