ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม และหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างอาคารรุกล้ำทางสาธารณประโยชน์ บริเวณโครงการ The Crest บนเนินเขาป่าตอง เผยโครงการดังกล่าวบุกรุกทางสาธารณะจริง มอบหมายที่ดินกะทู้ดำเนินการตรวจสอบ และส่งเรื่องให้เทศบาลเมืองป่าตองรื้อถอน และหาทางให้ทั้ง 2 ฝ่ายเร่งเจรจาหาทางออกร่วมกัน
นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่บริเวณก่อสร้างโครงการ The Crest ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาป่าตอง ตรงข้ามโรงแรม ซี เพิร์ล วิลล่า รีสอร์ท ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายสายัณห์ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอกะทู้ นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนดังกล่าวร่วมตรวจสอบ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา
จากกรณีร้องเรียนของชาวป่าตองว่า ถูกกลุ่มนายทุนโครงการ The Crest ก่อสร้างอาคารรุกล้ำทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งเดิมทีพื้นที่ร้องเรียนบริเวณดังกล่าวมีทางสาธารณประโยชน์ ขนาดความกว้างประมาณ 4 เมตร ซึ่งชาวบ้านใช้เป็นทางสัญจรในการเข้า-ออก ในพื้นที่ของตนเอง ต่อมา เมื่อมีการก่อสร้างโครงการ The Crest ปรากฏว่าทางสาธารณะที่เชื่อมผ่านบริเวณนี้ได้ถูกบุกรุก และก่อสร้างอาคารรุกล้ำ ทำให้พื้นที่สำหรับเป็นทางสาธารณะคงเหลือประมาณ 2 เมตร ซึ่งเป็นหุบเหวทำให้ไม่สามารถสัญจรไป-มาได้
โดยก่อนหน้านี้ ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐมาแล้วเมื่อปี 2552 แต่ปรากฏว่าเรื่องได้เงียบหายไป ไม่ทราบว่าเรื่องติดอยู่ที่ขั้นตอนใด จึงได้นำเรื่องนี้เข้าร้องเรียนใหม่อีกครั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา
นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พูดคุยระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และตรวจสอบในครั้งนี้ ปรากฏว่ากำแพงของโครงการ “The Crest” และอาคารด้านหลังสุดมีการก่อสร้างอาคารรุกล้ำทางสาธารณประโยชน์จริง โดยขั้นตอนการดำเนินการต่อไปนั้น ทางสำนักงานที่ดินกะทู้ จะเร่งดำเนินการแจ้งมายังนายอำเภอกะทู้ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการเป็นเจ้าของที่ดินสาธารณะแห่งนี้ ต่อจากนั้นจะดำเนินการร้องทุกข์ต่อเทศบาลเมืองป่าตอง เพื่อประกาศเป็นผู้บุกรุกถนนสาธารณะสายนี้ และทำการรื้อถอนตามกฎหมายต่อไป
คาดว่าสามารถเริ่มดำเนินได้ทันทีหลังปีใหม่นี้ ทั้งนี้ หากสามารถเชิญผู้มีอำนาจตัดสินใจของกลุ่มนายทุน โครงการ “The Crest” และผู้ร้องทุกข์มาพูดคุยเจรจาตกลงประนีประนอมปรองดองกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้ร้องทุกข์ต่อไป
