นครศรีธรรมราช - น้ำป่าไหลหลากลงมาจากเทือกเขาหลวงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เมืองนครฯ ท่วมแล้วหลายจุด ทางอำเภอเร่งตรวจสอบพื้นที่ก่อนประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน
วันนี้ (22 พ.ย.) นายกิตติพันธ์ เพชรชู นายอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกน้ำป่าไหลหลาก โดยมีเส้นทางการจราจรได้รับผลกระทบโดยเฉพาะสายลานสกา-จันดี ถูกน้ำป่าเข้าท่วมเป็นระยะ ขณะที่ต้นน้ำคลองท่าดี ซึ่งเป็นต้นน้ำสายหลักที่ส่งผลกระทบต่อการไหลบ่าเข้าท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราช พบว่าน้ำป่าได้ไหลหลากลงมาอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง น้ำมีสีเข้มโดยมีระดับสูงถึง 4.70 ม. และมวลน้ำจำนวนมากที่หลากลงมาจากเทือกเขาหลวงจะส่งผลกระทบต่อตัวเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ระดับน้ำที่ท่วมอยู่แล้วจะเพิ่มระดับสูงขึ้น
ขณะที่ นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ฝนได้ตกหนักเกินกว่า 50 มิลลิเมตร ในทุกอำเภอ แต่ที่เกิน 100 มิลลิเมตร มี 7 อำเภอ คือ อ.ชะอวด 198 มิลลิเมตร อ.ร่อนพิบูลย์ 195.5 มิลลิเมตร อ.เชียรใหญ่ 195 มิลลิเมตร อ.ลานสกา 155 มิลลิเมตร อ.หัวไทร 150 มิลลิเมตร อ.พระพรหม 120 มิลลิเมตร และ อ.จุฬาภรณ์ 115 มิลลิเมตร ได้ส่งผลให้หลายพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรของจังหวัดนครศรีธรรมราช
ตั้งแต่ช่วงดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ในหลายอำเภอประชาชนต้องขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่ปลอดภัย เช่น อ.ทุ่งสง อ.เมือง อ.ชะอวด อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ลานสกา อ.พระพรหม เป็นต้น โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ชะอวด และ อ.ร่อนพิบูลย์ ถือว่าหนักมากที่สุด โรงเรียนบางแห่งถูกน้ำท่วม เช่น โรงเรียนวัดกาโห่ใต้ ต.ควนหนองหงส์ อ.ชะอวด ส่วนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมขังถนน ซอยต่างๆ หลายจุด นอกจากนั้น ในพื้นที่ตำบลรอบนอก เช่น ต.นาทราย ต.ไชยมนตรี ต. ม่วงสองต้น ต.โพธิ์เสด็จ ต.บางจาก ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองท่าดี ที่ไหลลงมาจากอำเภอลานสกา ก่อนไหลออกอ่าวไทยผ่านคลองท่าซัก และคลองหัวตรุด-บางจาก
นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัตินั้นต้องรอให้แต่ละอำเภอสำรวจพื้นที่ประสบภัยแล้วรายงานไปยังจังหวัดเพื่อประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินต่อไป