นราธิวาส - นายอำเภอแว้ง ชี้แจงกรณีเกิดเหตุระเบิด ประชาชนในพื้นที่มีการลงประชามติให้ยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่สร้างสถานการณ์
วันนี้ (14 พ.ย.) นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอแว้ง ชี้แจงภายหลังมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐพยายามสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อ.แว้ง ด้วยการสร้างสถานการณ์โดยจุดประทัดยักษ์ และวางระเบิด พร้อมทั้งโปรยตะปูเรือใบตามเส้นทางในพื้นที่บนถนนชนบทสายแว้ง-โละจูด เขตรอยต่อระหว่างบ้านบือเลาะ ม.3 กับบ้านตำเสา ม.6 ต.ฆอเลาะ อ.แว้ง จ.นราธิวาส และอีกจุดบริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งตั้งอยู่ ม.1 ต.แว้ง
เพื่อไม่ให้มีการยกเลิกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในพื้นที่ อ.แว้ง หลังมีการออกประชาคมระดับตำบล และหมู่บ้านเพื่อลงมติแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการของประชาชนว่า ควรให้คงไว้ หรือยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส และผลการลงมติประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 99.99 เห็นด้วยที่จะให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ แต่จำเป็นต้องดูผลในภาพรวมทั้งหมดก่อน
ส่วนในวันนี้ 14 พ.ย.56 ซึ่งในบางพื้นที่ได้เตรียมเปิดประชาคมเพื่อลงมติในกรณีดังกล่าวในหมู่บ้านที่เหลือ แต่กลับพบว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปิดเส้นทางสัญจรของชาวบ้านนั้น ในเรื่องนี้ประเด็นหลักคือ ต้องการเคลียร์เส้นทางให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยสูงสุดจากเหตุลอบวางระเบิด
เมื่อวันที่ 13 พ.ย.56 ที่ผ่านมา ไม่ได้มีเจตนาปิดกั้นการออกมาแสดงความคิดเห็นของประชาชนแต่อย่างใด และล่าสุด เมื่อฝ่ายความมั่นคงยืนยันความปลอดภัยแล้วก็ได้เปิดเส้นทางให้สัญจรตามปกติ อีกทั้งการเปิดประชาคมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังมีการเดินหน้าต่อไป โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในทุกตำบล และหมู่บ้านในวันที่ 15 พ.ย.56 นี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการคงไว้ หรือยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ส่งผลดี หรือผลเสียต่อเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงในอำเภอแว้ง ที่ยังต้องปฏิบัติงานตามปกติ แต่การเปิดประชาคมแสดงความคิดเห็นเพื่อรับฟังเสียงจากประชาชนคือ การแสดงความจริงใจของเจ้าหน้าที่รัฐที่มุ่งหวังให้มาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เป็นไปตามความพึงพอใจของประชาชน
ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งหากประชาชนมีมติให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยเสียงส่วนใหญ่ ก็จะนำเรื่องนี้เสนอให้ระดับนโยบายพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยไม่มีการหยิบยกเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณายกเลิก หรือคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่อย่างใด เพราะตนเองก็ยังเชื่อมั่นว่าพื้นที่ อ.แว้ง เป็นพื้นที่ที่มีความสงบสุข และประชาชนสามารถร่วมกันดูแลปกป้องพื้นที่ของตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นมือที่ 3 ที่ก่อเหตุหวังป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงต่อกัน ซึ่งขณะนี้ได้มีการรวบรวมหลักฐานเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุแล้ว
วันนี้ (14 พ.ย.) นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอแว้ง ชี้แจงภายหลังมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐพยายามสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อ.แว้ง ด้วยการสร้างสถานการณ์โดยจุดประทัดยักษ์ และวางระเบิด พร้อมทั้งโปรยตะปูเรือใบตามเส้นทางในพื้นที่บนถนนชนบทสายแว้ง-โละจูด เขตรอยต่อระหว่างบ้านบือเลาะ ม.3 กับบ้านตำเสา ม.6 ต.ฆอเลาะ อ.แว้ง จ.นราธิวาส และอีกจุดบริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งตั้งอยู่ ม.1 ต.แว้ง
เพื่อไม่ให้มีการยกเลิกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในพื้นที่ อ.แว้ง หลังมีการออกประชาคมระดับตำบล และหมู่บ้านเพื่อลงมติแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการของประชาชนว่า ควรให้คงไว้ หรือยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส และผลการลงมติประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 99.99 เห็นด้วยที่จะให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ แต่จำเป็นต้องดูผลในภาพรวมทั้งหมดก่อน
ส่วนในวันนี้ 14 พ.ย.56 ซึ่งในบางพื้นที่ได้เตรียมเปิดประชาคมเพื่อลงมติในกรณีดังกล่าวในหมู่บ้านที่เหลือ แต่กลับพบว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปิดเส้นทางสัญจรของชาวบ้านนั้น ในเรื่องนี้ประเด็นหลักคือ ต้องการเคลียร์เส้นทางให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยสูงสุดจากเหตุลอบวางระเบิด
เมื่อวันที่ 13 พ.ย.56 ที่ผ่านมา ไม่ได้มีเจตนาปิดกั้นการออกมาแสดงความคิดเห็นของประชาชนแต่อย่างใด และล่าสุด เมื่อฝ่ายความมั่นคงยืนยันความปลอดภัยแล้วก็ได้เปิดเส้นทางให้สัญจรตามปกติ อีกทั้งการเปิดประชาคมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังมีการเดินหน้าต่อไป โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในทุกตำบล และหมู่บ้านในวันที่ 15 พ.ย.56 นี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการคงไว้ หรือยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ส่งผลดี หรือผลเสียต่อเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงในอำเภอแว้ง ที่ยังต้องปฏิบัติงานตามปกติ แต่การเปิดประชาคมแสดงความคิดเห็นเพื่อรับฟังเสียงจากประชาชนคือ การแสดงความจริงใจของเจ้าหน้าที่รัฐที่มุ่งหวังให้มาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เป็นไปตามความพึงพอใจของประชาชน
ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งหากประชาชนมีมติให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยเสียงส่วนใหญ่ ก็จะนำเรื่องนี้เสนอให้ระดับนโยบายพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยไม่มีการหยิบยกเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณายกเลิก หรือคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่อย่างใด เพราะตนเองก็ยังเชื่อมั่นว่าพื้นที่ อ.แว้ง เป็นพื้นที่ที่มีความสงบสุข และประชาชนสามารถร่วมกันดูแลปกป้องพื้นที่ของตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นมือที่ 3 ที่ก่อเหตุหวังป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงต่อกัน ซึ่งขณะนี้ได้มีการรวบรวมหลักฐานเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุแล้ว