ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บริหารห้าง “ซุปเปอร์ชีป” เผยเดินหน้าธุรกิจค้าปลีกต่อ เตรียมทุ่มทุนอีกกว่า 100 ล้าน สร้างอาคารใหม่ในเนื้อที่ 15 ไร่ ด้านหลังอาคารเดิมที่ถูกเพลิงเผาวอดในปีหน้านี้ เพื่อเปิดขายสินค้าได้เต็มรูปแบบประมาณกลางปีหน้า เผยยอดขายลดลง 30% หลังไฟไหม้จากที่สาขาใหญ่เปิดขายได้แค่เพียงบางส่วน แต่ภาพรวมทั้ง 45 สาขา อยู่ที่ปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท ด้านคนงานไม่มีปัญหากลับมาทำงานเกือบทั้งหมดแล้ว ส่วนความเสียหายนั้นอยู่ระหว่างการประเมินของบริษัทประกันภัย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (13 พ.ย.) นายบุญสม อนันตจรูญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์ซีป จำกัด เข้าพบ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอขอบคุณทางจังหวัดภูเก็ต ที่ให้การช่วยเหลือ และสนับสนุนการแก้ปัญหาเหตุเพลิงไหม้ห้างซุปเปอร์ชีป เมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค.2556 ที่ผ่านมา จนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด โดยมีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน และนายสันต์ จันทวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม ณ ห้องรับรอง ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับผู้บริหารของห้างซุปเปอร์ชีป ทำให้ทราบว่า ขณะนี้ทางห้างซุปเปอร์ชีป ได้เปิดขายสินค้าได้เพียง 1 ใน 4 ของสินค้าที่ขายอยู่ก่อนที่จะเกิดไฟไหม้ โดยเน้นขายสินค้าประเภทอาหารสด อาหารทะเล ผักผลไม้ และอาหารอุปโภคบริโภค ซึ่งทางจังหวัดได้ขอให้จัดสินค้ามาจำหน่ายที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของชาวภูเก็ต และทั้ง 45 สาขา ยังสามารถขายได้ตามปกติ โดยแต่ละสาขานั้นมียอดขายเพิ่มสูงขึ้น จากที่สาขาใหญ่มีกำลังการขายได้แค่ 1 ใน 4 เท่านั้น
ส่วนเรื่องพนักงาน และแรงงานที่ทำงานอยู่ในซุปเปอร์ชีปนั้น ในส่วนของพนักงานคนไทยที่มีอยู่ทั้งหมด 2,736 คน ขณะนี้ได้มารายงานตัว และกลับมาทำงานเกือบทั้งหมดแล้ว มีเพียง 300 กว่าคน ที่ไม่มารายงานตัวตามที่บริษัทกำหนดไว้ แต่หลังจากนั้นได้มายื่นเรื่องขอลาออกไป 131 คน โดยได้งานทำใหม่ และมีเพียง 3 คน ที่ได้มายื่นเรื่องขอตำแหน่งงานใหม่กับทางจัดหางาน ซึ่งเรื่องนี้ทางจัดหางานภูเก็ต จะจัดหาตำแหน่งงานว่างให้ สำหรับแรงงานต่างด้าวชาวพม่าอีก 700 คน ที่เป็นลูกจ้างรายวัน ได้มาทำงานต่อแล้ว 600 คน ส่วนอีก 100 คน ได้ไปทำงานกับนายจ้างอื่นๆ
สำหรับสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้นั้น นายไมตรี กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายสมบุญ อนันตจรูญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์ชีป จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เกิดเพลิงไหม้ทางซุปเปอร์ชีปได้ปรับการขายใหม่โดยมาเปิดขายแบบกางเต็นท์ที่บริเวณด้านหน้าที่เป็นลานจอดรถ โดยขายสินค้าประเภทอาหารสด อาหารทะเล ผักผลไม้ และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันก่อน ซึ่งที่เปิดขายอยู่ในขณะนี้มีเพียง 1 ใน 4 ของสินค้าที่ขายอยู่ก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้ และในส่วนของสาขาย่อยที่เป็นซุปเปอร์ชีป มินิมาร์ท ทั้ง 45 สาขายอด ขายกลับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้โดยภาพรวมแล้วหลังจากเกิดเพลิงไหม้ยอดขายลดลงไปทั้งหมด 30% เท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ ทางซุปเปอร์ชีป จะเพิ่มยอดขายให้ได้ประมาณ 50% ของสินค้าที่เคยขายในเร็วๆ นี้ โดยมีคลังสินค้าที่ไม่ได้ถูกเพลิงไหม้ทั้ง 4 โกดัง กระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ทั้ง 45 สาขา
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ทางบริษัทประกันภัยกำลังสำรวจความเสียหาย ส่วนพื้นที่เดิมที่ยังเป็นซากอยู่ในขณะนี้ จะครบกำหนดตามประกาศห้ามเข้าพื้นที่ 45 วัน ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ หลังจากครบกำหนดแล้ว ทางบริษัทจะเข้าไปสำรวจอีกครั้งหนึ่งว่าจะเคลียร์พื้นที่อย่างไร และจะดำเนินอย่างไรกับพื้นที่ดังกล่าว
นายสมบุญ เผยต่อว่า หลังจากที่เกิดเพลิงไหม้ห้างซุปเปอร์ชีปนั้น ทางบริษัทได้วางแผนที่จะลงทุนก่อสร้างห้างซุปเปอร์ชีปขึ้นมาใหม่ โดยได้เตรียมที่ดินจำนวน 15 ไร่ ที่อยู่ด้านหลังที่ถูกเพลิงไหม้ไว้พร้อมแล้ว จากแผนงานที่วางไว้จะเริ่มก่อสร้างประมาณต้นปี 2557 นี้ เป็นอาคารชั้นเดียว จำนวน 2 อาคาร เปิดโล่ง ไม่ติดแอร์ เหมือนเดิม เพื่อคงคอนเซ็ปต์ความเป็นซุปเปอร์ชีป คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งราวๆ กลางปีหน้าจะสามารถเปิดให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มรูปแบบ ที่มีสินค้าให้เลือกทุกประเภทเหมือนของเดิมก่อนที่จะถูกเพลิงไหม้ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท
“เรามั่นใจว่าเมื่อสาขาใหญ่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดขายสินค้าได้ตามปกติ ยอดขายในแต่ละปีละไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท เหมือนก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้อย่างแน่นอน เพราะความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในภูเก็ตมีสูง” นายสมบุญ กล่าวและว่า
และในแต่ละปี ทางซุปเปอร์ชีปจะต้องทำยอดขายให้เพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี ปีละ 10% เป็นอย่างน้อย เพื่อที่ทางซัปพลายเออร์จะได้ส่งสินค้าให้แก่เราในราคาที่ต่ำกว่าทั่วๆ ไป จึงทำให้เราเร่งขยายสาขาย่อยไปทั่วทุกมุมเมืองของภูเก็ต จนขณะนี้มีถึง 45 สาขา ภายในเวลา 4-5 ปี เพื่อรองรับการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกที่มีสูงขึ้นในขณะนี้ เราะจะมีเพียงสาขาใหญ่เพียงสาขาเดียวไม่ได้ เราจึงต้องปรับตัวรับการแข่งขันที่สูงขึ้น
นายสมบุญ กล่าวต่อว่า ห้างซุปเปอร์ชีป ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2538 เปิดเป็นร้านขายของชำบนเนื้อที่ 1 ไร่ หลังจากนั้น ทางเราก็ได้มีการปรับปรุงขยายพื้นที่ขาย และนำสินค้าทุกประเภทมาจำหน่ายทำให้กิจการเป็นอย่างที่ก่อนจะถูกเพลิงไหม้ โดยสินค้าที่นำมาจำหน่ายนั้นราคาจะต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้ เพราะเรายึดหลักการบริหารที่ใช้ต้นทุนต่ำ ทำให้สามารถขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าที่อื่นๆ ทำให้ซุปเปอร์ชีปเป็นแหล่งจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าของคนภูเก็ตที่ดำเนินการโดยคนท้องถิ่นภูเก็ต