ปัตตานี - แม่ผู้ตายเหตุวิสามัญ 3 ศพที่ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง เข้าพบเลขา ศอ.บต. เพื่อขอความเป็นธรรม พร้อมนำพยานเข้าพบ ผกก.สภ.ทุ่งยางแดง อีก 1 คน ส่วนความคืบหน้าคดีล่าสุด ศอ.บต. ประสานไปยังหน่วยงานทหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการสอบสวนต่อไปแล้ว
จากเหตุวิสามัญคนร้าย 3 ศพ ที่ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนางแยนะ สะอะ แม่ของ นายอับดุลอาซิส สาและ หนึ่งใน 3 ศพที่ถูกวิสามัญในวันดังกล่าว อ้างว่าเจ้าหน้าที่นำลูกชายของตนไปฆาตกรรม แล้วอ้างว่าถูกวิสามัญจนเสียชีวิตที่บริเวณหลังบ้าน จากนั้นนำศพไปไว้ที่โรงพยาบาลทุ่งยางแดง จึงถูกสังคมเข้าใจว่าเป็นศพไร้ญาติ สร้างความเศร้าสลดให้แก่แม่ และญาติ ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง
เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุให้นางแยนะ สะอะ วัย 56 ปี เดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมต่อมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมที่ปัตตานี และประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความฯ ได้ออกใบแถลงการณ์ชี้แจงให้สื่อมวลชนรับทราบข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (5 พ.ย.) นางแยนะ สะอะ พร้อมญาติ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังจากได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมมาแล้วก่อนหน้านี้ โดยหลังจากเข้าพบได้รับการชี้แจงว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางยุติธรรม ศอ.บต. ดำเนินการตรวจสอบ และให้ประสานไปยังหน่วยงานทหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการสอบสวนต่อไป หลังจากนั้น ทาง ศอ.บต. ได้มอบเงินช่วยเหลือจากกรณีดังกล่าวให้แม่ของผู้ตาย จำนวน 5,000 บาท ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเงินเยียวยาแต่อย่างใด เป็นเพียงเงินทำขวัญเท่านั้น
นางแยนะ แม่ของผู้ตายกล่าวว่า หลังจากเป็นข่าวขึ้นมาว่าลูกชายถูกเจ้าหน้าที่นำไปฆาตกรรมนั้น มีตัวแทนของทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีนำข้าวสารมามอบให้ 2 กระสอบ เพื่อเป็นการเยียวยา และยังไม่มีหน่วยงานอื่นใดเข้ามาอีกเลย
ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้น วันนี้ญาติของผู้ตายได้นำพยานเข้าพบ พ.ต.อ.โกวิทย์ รัตนโชติ ผกก.สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ เพิ่มอีก 1 คน ที่สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี เพื่อยืนยันว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปจริง ก่อนที่ผู้ตายจะถูกฆาตกรรมจนเสียชีวิต
ด้านนายบำเหน็จ บินหรีม นายอำเภอทุ่งยางแดงกล่าวว่า ในส่วนของอำเภอ ขณะนี้เรายังไม่ทราบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองถูกกันไว้อยู่รอบนอก รวมทั้งกำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ก็ไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้ จนกระทั่งทุกอย่างจบสิ้นเจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้เข้าไปร่วมตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อมีการยืนยันว่า เป็นการวิสามัญ 3 ศพ เราก็รับรู้ตามนั้น จนกระทั่งญาติของผู้ตายได้ร้องเรียนมาว่า ลูกชายถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ก่อนที่จะถูกฆาตกรรมจนเสียชีวิต แล้วอ้างว่าถูกวิสามัญ ตนคิดว่าสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ทุกฝ่ายควรรับฟังข้อมูลจากชาวบ้านบ้าง เพื่อให้มีการหันหน้ามาพูดคุย และสอบถามข้อเท็จจริงให้สังคมรับทราบ ก่อนทุกอย่างจะยิ่งบานปลาย ซึ่งผู้ไม่หวังดีอาจนำไปเป็นประเด็นโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐได้