ระนอง - หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี สนธิกำลังกับนายอำเภอกระบุรี จ.ระนอง ตรวจพื้นที่ป่าทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์บ้านห้วยไทร เบื้องต้นพบนายทุนบุกรุก 3 แปลง เนื้อที่กว่า 300 ไร่ ปลูกทุเรียน และยางพารา
พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี พร้อมนายธนิต กุลสุนทร นายอำเภอกระบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกว่า 40 นาย ตรวจพื้นที่ป่าทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์บ้านห้วยไทร หมู่ 2, 3, 5, 11 ต.ลำเลียง อ.กระบุรี จ.ระนอง หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ว่า มีนายทุนจากนอกพื้นที่เข้ามาทำการบุกรุกพื้นที่ป่าโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งการลงตรวจพื้นที่นั้นได้นั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อ เข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าโดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
เมื่อไปถึงจุดแรกซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูง จำนวน 2 ลูก พบว่า ป่าไม้ถูกแผ้วถางหมดแล้ว โดยบางส่วนที่อยู่ด้านล่างของภูเขามีการปลูกต้นทุเรียนอายุประมาณ 6 เดือน ที่อยู่ส่วนบนมีการปลูกยางพารา มีการนำถังใส่น้ำขนาด 200 ลิตรมาวางทั่วบริเวณภูเขา จากนั้นได้เดินตรวจสอบอีก 2 แปลงที่เหลือซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน
พ.อ.อุทิศ กล่าวว่า หลังจากการเข้าตรวจสอบพื้นที่บุกรุกทั้ง 3 แปลง จากการวัด และตรวจสอบพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่มากกว่า 300 ไร่ ซึ่งการแผ้วถางน่าจะเกิดมานานแล้วแต่ไม่มีใครทราบ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ป่าลึก การเดินทางยากลำบาก คาดว่ายังคงจะมีการบุกรุกในอีกหลายจุด ซึ่งจะมีการตรวจสอบต่อในภายหลัง หลังจากนี้จะได้มอบหมายให้ทางอำเภอประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้นำในแต่ละชุมชนเพื่อหาข้อมูลผู้กระทำผิด หรือผู้ที่เข้ามาบุกรุกเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายธนิต กุลสุนทร นายอำเภอกระบุรี กล่าวว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตประชาชนในพื้นที่ ทั้งเรื่องการเกษตร และการใช้ในชีวิตประจำวัน ป่าแห่งนี้อยู่ในความดูแลของฝ่ายปกครอง เนื้อที่มีมากกว่า 2,500 ไร่ จากการร่วมตรวจสอบพบว่า มีการบุกรุกเป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ หลังจากนี้จะได้ทำการหาข้อมูลนายทุนที่เข้ามาบุกรุก โดยเริ่มหาข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ ผู้นำชุมชนในแต่ละพื้นที่ทั้งหมู่ 2, 3, 5, 11 ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดมีแนวเขตป่าต่อเนื่องเนื่องกัน ชาวบ้าน และผู้นำชุมชนในแต่ละพื้นที่คงจะมีข้อมูล หรืออาจจะเคยเห็นนายทุนที่เข้ามาบุกรุก ซึ่งทางอำเภอจะทำการสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาเราพยายามเน้นเรื่องการป้องกันรักษาป่าเป็นอย่างมาก และชาวบ้านต่างรัก และหวงแหนที่จะปกป้องผืนป่า
