นราธิวาส - จังหวัดนราธิวาส จัดพิธีถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และร่วมไว้อาลัยในการจากไป ขณะที่ผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่ก็กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์เช่นเดียวกัน
วันนี้ (25 ต.ค.) ที่อาคารอเนกประสงค์วัดพรมนิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนราธิวาส พร้อมใจกันแต่งกายไว้ทุกข์ และร่วมถวายน้ำสรงพระศพต่อหน้าพระรูปสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อแสดงความไว้อาลัย โดยมีพระครูวิศิฐ พรหมคุณ เจ้าอาวาสวัดพรหมนิวาส ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์ถวายน้ำสรงพระศพ จากนั้น นายสิทธิชัย ศักดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ประธานฝ่ายฆราวาส นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน ถวายน้ำสรงพระศพตามลำดับ
ทั้งนี้ วัดพรหมนิวาส จะจัดให้มีการสวดพระอภิธรรมทุกคืน ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป พร้อมขอความร่วมมือข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน และประชาชนทั่วไปแต่งกายไว้ทุกข์เป็นเวลา 30 วัน เช่นเดียวกับสถานที่ราชการซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการลดธงครึ่งเสา และสวมชุดดำเพื่อร่วมไว้อาลัยแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ขณะเดียวกัน นายเจษฎา จิตรัตน์ นายอำเภอสุไหงโก-ลก พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัด และเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ต่างพร้อมใจกันร่วมแต่งกายไว้ทุกข์ เพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พร้อมลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วัน
ด้าน นายมาหามะนาวี ยูโซ๊ะ ประธานชมรมโต๊ะอิหม่าม อ.สุไหงโก-ลก และนายอับดุลวาหับ เจ๊ะปอ รองประธานชมรมโต๊ะอิหม่ามเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก กล่าวว่า ผู้นำศาสนา และโต๊ะอิหม่ามในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ต่างรู้สึกเสียใจอย่างมากต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพราะทรงเป็นประมุขผู้ปกครองคณะสงฆ์ในประเทศไทย จึงนับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ด้วยเพราะตระหนักถึงคุณงามความดีของพระองค์ที่ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในการประกอบกิจของสงฆ์อย่างครบถ้วน ดีงาม จนสร้างความเชื่อถือศรัทธา และได้รับการยอมรับยกย่องจากบุคคลต่างศาสนิกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สำหรับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ประสูติเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2456 เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ.2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีต และเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา 100 ปี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2556 เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต