xs
xsm
sm
md
lg

แอมเนสตี้ชี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ และถูกลงโทษจากกรณี 85 ศพ เหตุการณ์ตากใบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์กรณีผู้ประท้วงเสียชีวิต 85 คน ในเหตุกาณ์ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 ชี้เจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงของไทยต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิต โดยต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

วันนี้ (25 ต.ค.) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์กรณีผู้ประท้วงเสียชีวิต 85 คน ที่ อ.ตากใบ เมื่อ 9 ปีที่แล้ว โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงของไทยต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้ประท้วง 85 คน เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ที่อำเภอตากใบ จ.นราธิวาส โดยต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 กองกำลังความมั่นคงยิงปืนใส่ผู้ประท้วงด้านนอกสถานีตำรวจภูธรตากใบ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน ในที่เกิดเหตุ และอีก 78 คน ถูกทับ หรือขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิตในระหว่างการใช้รถทหารขนส่งพวกเขาไปควบคุมตัวที่ค่ายทหารในจังหวัดปัตตานี

น.ส.ปริญญา บุญฤทธิฤทัยกุล ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่าเป็นเรื่องน่าละอายที่ไม่มีผู้ใดถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจากกรณีความตายนี้ และที่ผ่านมา มีการปล่อยให้ผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงกรณีอื่นๆ ลอยนวลพ้นผิดไม่ต้องรับโทษ ในระหว่างการขัดแย้งกันด้วยอาวุธในจังหวัดชายแดนภาคใต้

“กรณีนี้สะท้อนปัญหาการลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่ร้ายแรง ซึ่งมักเกิดขึ้นในภาคใต้ และตลอดทั่วประเทศ”

พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในจังหวัดชายแดนใต้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 เป็นต้นมา และมีลักษณะที่ลิดรอนสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงใช้เป็นข้ออ้างไม่ต้องรับผิดทางอาญา กฎหมายฉบับนี้ต้องถูกยกเลิกโดยทันที หรือให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้ประเทศไทยปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนได้

ในปี 2555 ทางการได้ดำเนินการที่น่ายินดีในการให้ค่าชดเชยแก่ครอบครัวของผู้เสียหายจากการประท้วงที่ตากใบ รวมทั้งผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาคใต้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ

“การให้เงินแก่ผู้เสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ได้หมายความว่าทางการหลุดพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องนำตัวผู้รับผิดชอบมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และการให้การเยียวยาอย่างเต็มที่ต่อผู้ได้รับผลกระทบ หรือการจ่ายค่าชดเชยก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าการละเมิดเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต”

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ศาลฎีกา พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น แสดงให้เห็นว่า ทางการไม่สามารถทำให้เกิดความยุติธรรมแก่ผู้เสียชีวิต 85 ศพ ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่อำเภอตากใบได้

นับแต่ปี 2547 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,000 คน จากการขัดแย้งกันด้วยอาวุธระหว่างรัฐกับผู้ก่อความไม่สงบใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีส่วนรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบได้สังหารเป้าหมายที่เป็นพลเรือน และยังโจมตีพลเรือนจนเสียชีวิตอย่างไม่เลือกหน้าด้วย

“ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องในภาคใต้เป็นเรื่องน่าเศร้า การโจมตีก็มุ่งให้เกิดความหวาดกลัวในบรรดาพลเรือน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน การละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศเช่นนี้ เป็นปัญหาท้าทายร้ายแรงต่อกลไกด้านความมั่นคงของไทย การรักษาความสงบของสาธารณะต้องดำเนินไปพร้อมกับการเคารพสิทธิมนุษยชน และต้องไม่ขัดขวาง หรือบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เพื่อลงโทษผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าผู้ละเมิดนั้นจะเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ก่อความไม่สงบก็ตาม” ปริญญากล่าว

ข้อมูลพื้นฐาน

ในปี 2552 ภายหลังจากศาลจังหวัดสงขลา อ่านคำสั่งในการไต่สวนการตายกรณีการเสียชีวิตของบุคคล 78 คน ที่อำเภอตากใบทางภาคใต้ ศาลระบุว่า การเสียชีวิตเกิดขึ้นจากการขาดอากาศหายใจ แต่ไม่ระบุรายละเอียดของพฤติการณ์การตายตามที่กฎหมายกำหนด ญาติของผู้เสียชีวิตจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอาญาให้ทบทวนคำสั่งไต่สวนการตาย ต่อมา ได้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาตามลำดับ

คำสั่งของศาลฎีกาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ระบุว่า ญาติของผู้เสียหายควรส่งคำคัดค้านยื่นต่อศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีนั้น ไม่ใช่ศาลอาญาที่กรุงเทพฯ ผลจากคำสั่งดังกล่าวคือการพิพากษายืนตามคำสั่งของศาลจังหวัดสงขลา ซึ่งระบุว่า การเสียชีวิตของบุคคล 78 คน เป็นผลมาจากการขาดอากาศหายใจ และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงไม่มีส่วนรับผิดชอบ เนื่องจากเป็นการปฏิบัติงานในหน้าที่ทางราชการ
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น