ตร.นครศรีฯ รวบ “ใหญ่วี กล้าปราบโจร” หน.แก๊งปล้นล้างหนี้ พร้อมพวก

นครศรีธรรมราช - ตำรวจนครศรีธรรมราชจับกุมผู้ต้องหาปล้นทรัพย์แม่เฒ่าวัย 71 ปี นายทุนเงินกู้ รวบได้ทั้งขบวนการ ยอมรับสารภาพปล้นล้างหนี้

วันนี้ (21 ต.ค.) พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สมเกียรติ รัตนรัตน์ สว.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เข้าทำการจับกุม นายทวี กล้าปราบโจร อายุ 42 ปี อยู่ 15 หมู่ 10 ต.นาไม้ไผ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ จริตงาม อายุ 25 ปี อยู่ 9 ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และได้ออกหมายจับกุม นางพิมพ์ อินบุญนะ อายุ 58 ปี อยู่ 148/1 ม.15 ต.ท่าเรือ อ.เมือง นครศรีธรรมราช

สองรายแรกเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมโดยละม่อม ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีและใช้อาวุธ ส่วนนางพิมพ์ นั้นอยู่ในระหว่างหลบหนีการจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์นางปราณี เตี่ยวผิวเหลือง อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/11 ซ.ต้นพลับ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายทุนเงินกู้รายใหญ่ของอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีทรัพย์สินที่ได้ไปเป็นทองคำรูปพรรณหลายรายการ และเงินสดรวมกว่า 1 แสนบาท

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวนพบข้อมูลว่า นางพิมพ์ อินบุญนะ ซึ่งเป็นลูกหนี้ของนางปราณี จำนวน 150,000 บาท และไม่ยอมจ่ายทั้งเงินต้นและเงินดอกให้แก่ นางปราณี ได้ไปติดต่อกับเครือข่ายที่ไปเจอกันในวงพนันมาร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์นางปราณี โดยใช้อาวุธมีดเข้าจี้เพื่อล้างหนี้

พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ระบุว่า จากการสอบสวนนายทวี หรือใหญ่วี กล้าปราบโจร ยอมรับสารภาพว่า นางพิมพ์ ซึ่งเป็นหนี้นางปราณี แต่ยังไม่ได้มีการชดใช้หนี้ได้ติดต่อกับตนเองเพื่อให้เข้าปล้นบ้าน

เนื่องจากเห็นว่านางปราณี มีเงินสด และทองคำเก็บไว้ที่บ้านจำนวนมาก หลังจากที่ได้ทรัพย์แล้วจะต้องนำเอามาแบ่งกัน จึงไปประสานงานนายเกียรติศักดิ์ เข้าร่วมพร้อมด้วยเพื่อนอีกราย ซึ่งอยู่ในระหว่างการติดตามตัว เข้าใช้อาวุธปล้นทรัพย์นางปราณี ที่บ้านพักในตัวเมืองนครศรีธรรมราชจนได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ

กระทั่งเจ้าหน้าที่แกะรอยจากกลุ่มลูกหนี้ของนางปราณี จนสามารถสืบสาวเบาะแสจับกุมได้ทั้งแก๊ง ทุกคนยอมรับสารภาพ ส่วนทองคำนั้นนายทวี ซัดทอดว่า นายเกียรติศักดิ์ เป็นผู้นำทองคำที่ได้ไปขายที่ จ.ตรัง ได้เงินมาเพียง 7 หมื่นบาท และนำมาแบ่งให้นางพิมพ์ เพียง 1 หมื่นบาทที่เหลือได้แบ่งกันในทีมปล้น ส่วนนายเกียรติศักดิ์ ยังให้การปฏิเสธ