ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์ซากอาหารสดกว่า 8 ตัน ออกจากพื้นที่เพลิงไหม้ซุปเปอร์ชีป หลังส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้าน ขณะที่การตรวจสอบพื้นที่ทำได้กว่า 95% เหลือเพียงจุดที่คาดว่าเป็นต้นเพลิงประมาณ 120 ตารางเมตร ซึ่งอยู่บริเวณตรงกลางของพื้นที่เพลิงไหม้ที่ยังกันไว้ และเข้าตรวจสอบไม่ได้ เนื่องจากต้องรอเจ้าหน้าที่วิทยาการตรวจสอบ ขณะที่พื้นที่รอบนอก-ทรัพย์สินที่เจอส่งมอบกลับให้ทางห้างดูแลแล้ว
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (21 ต.ค.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมศูนย์อำนวยการเพลิงไหม้ซุปเปอร์ชีปเพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ซุปเปอร์ชีป และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ รวมทั้งการตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดเหตุ โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
นายไมตรี กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในการเข้าตรวจสอบพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิต่างๆ ที่ทำงานอยู่หน้างานพบว่าจนถึงขณะนี้สามารถเข้าตรวจสอบได้แล้วประมาณ 95% ยังเหลือพื้นที่ประมาณ 5% ที่ถูกกันไว้สำหรับให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ทำงานเก็บหลักฐานเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ โดยในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการจากกรุงเทพฯ จะเดินทางลงมาในพื้นที่เพื่อเก็บพยานหลักฐานทั้งหมดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยจนถึงขณะนี้ยืนยันว่ายืนยันว่ายังไม่พบผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้แต่อย่างใด ขณะที่ในส่วนของผู้สูญหายนั้นตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ มีการแจ้งข้อมูลคนหาย จำนวน 11 ราย ซึ่งล่าสุด พบตัวครบทั้งหมดแล้ว ส่วนปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไขคือ ปัญหาลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้ ทั้งเรื่องของควันไฟ กลิ่นเหม็นจากสารเคมีที่ถูกเผาไหม้ และกลิ่นเหม็นจากของสดที่เน่าเสีย ซึ่งในส่วนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 86 ครัวเรือน จำนวน 233 คนทางสาธารณสุขได้เข้าไปช่วยเหลือดูแลทั้งในเรืองของสุขภาพร่างกาย และสุขภาพทางด้านจิตใจ โดยขณะนี้มีการแจกยาสามัญให้แก่ชาวบ้านทุกคน ส่วนเรื่องของจิตใจนั้น พบว่าขณะนี้มีผู้ป่วยเกี่ยวเรื่องของสุขภาพจิต จำนวน 8 ราย ซึ่งทั้ง 8 รายนั้น ทางทีมแพทย์จากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จะเข้าไปดำเนินการเยียวยาต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่มีความกังวล และหวาดกลัว ส่วนเรื่องของกลิ่นเหม็นพบว่ามีปริมาณที่ลดลง
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องกำจัดอย่างเร่งด่วนคือ เรื่องของอาหารสดที่เน่าเสียอยู่ในโกดัง ซึ่งมีทั้งเนื้อสัตว์ และอาหารทะเล จากการตรวจสอบพบว่ามีประมาณ 8 ตัน โดยเมื่อวาน (20 ต.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปกำจัดที่โรงงานเตาเผาขยะเทศบาลนครภูเก็ตแล้วจำนวนหนึ่ง ขณะนี้เหลืออยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 4 ตัน คาดว่าจะใช้เวลาในการขนไปกำจัดอีกประมาณ 2 วัน ส่วนกลิ่นที่ยังตกค้างกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ขณะที่ในส่วนของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ส่วนหน้า ซึ่งตั้งศูนย์บัญชาการที่ร้านก๊อสซิล่า บริเวณหน้าห้างซุปเปอร์ชีป เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งทรัพย์สินที่พบในบริเวณที่เกิดเหตุ และการรับเรื่องแจ้งความจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าตำรวจได้ร่วมกับเทศบาลตำบลรัษฎา ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิเข้าไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ได้เสร็จสิ้นการปฏิบัติงานแล้ว รวมทั้งพบจุดที่คาดว่าจะเป็นต้นตอของการเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งจุดนี้ยังไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ มีเนื้อทีประมาณ 120 ตารางเมตร อยู่บริเวณกึ่งกลางของพื้นที่ที่ถูกเพลิงไหม้ และจากการเข้าตรวจสอบไม่พบผู้เสียชีวิต พบเพียงทรัพย์สินของทางห้าง ซึ่งประกอบด้วย ตู้นิรภัยจำนวน 13 ใบ โดยขณะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งมอบพื้นที่ และทรัพย์สินให้แก่แทนของบริษัทไปแล้ว คือ นายวินัย เอียดแก้ว ตัวแทนรับมอบอำนาจจากบริษัท
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (21 ต.ค.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมศูนย์อำนวยการเพลิงไหม้ซุปเปอร์ชีปเพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ซุปเปอร์ชีป และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ รวมทั้งการตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดเหตุ โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
นายไมตรี กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในการเข้าตรวจสอบพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิต่างๆ ที่ทำงานอยู่หน้างานพบว่าจนถึงขณะนี้สามารถเข้าตรวจสอบได้แล้วประมาณ 95% ยังเหลือพื้นที่ประมาณ 5% ที่ถูกกันไว้สำหรับให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ทำงานเก็บหลักฐานเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ โดยในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการจากกรุงเทพฯ จะเดินทางลงมาในพื้นที่เพื่อเก็บพยานหลักฐานทั้งหมดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยจนถึงขณะนี้ยืนยันว่ายืนยันว่ายังไม่พบผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้แต่อย่างใด ขณะที่ในส่วนของผู้สูญหายนั้นตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ มีการแจ้งข้อมูลคนหาย จำนวน 11 ราย ซึ่งล่าสุด พบตัวครบทั้งหมดแล้ว ส่วนปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไขคือ ปัญหาลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้ ทั้งเรื่องของควันไฟ กลิ่นเหม็นจากสารเคมีที่ถูกเผาไหม้ และกลิ่นเหม็นจากของสดที่เน่าเสีย ซึ่งในส่วนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 86 ครัวเรือน จำนวน 233 คนทางสาธารณสุขได้เข้าไปช่วยเหลือดูแลทั้งในเรืองของสุขภาพร่างกาย และสุขภาพทางด้านจิตใจ โดยขณะนี้มีการแจกยาสามัญให้แก่ชาวบ้านทุกคน ส่วนเรื่องของจิตใจนั้น พบว่าขณะนี้มีผู้ป่วยเกี่ยวเรื่องของสุขภาพจิต จำนวน 8 ราย ซึ่งทั้ง 8 รายนั้น ทางทีมแพทย์จากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จะเข้าไปดำเนินการเยียวยาต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่มีความกังวล และหวาดกลัว ส่วนเรื่องของกลิ่นเหม็นพบว่ามีปริมาณที่ลดลง
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องกำจัดอย่างเร่งด่วนคือ เรื่องของอาหารสดที่เน่าเสียอยู่ในโกดัง ซึ่งมีทั้งเนื้อสัตว์ และอาหารทะเล จากการตรวจสอบพบว่ามีประมาณ 8 ตัน โดยเมื่อวาน (20 ต.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปกำจัดที่โรงงานเตาเผาขยะเทศบาลนครภูเก็ตแล้วจำนวนหนึ่ง ขณะนี้เหลืออยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 4 ตัน คาดว่าจะใช้เวลาในการขนไปกำจัดอีกประมาณ 2 วัน ส่วนกลิ่นที่ยังตกค้างกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ขณะที่ในส่วนของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ส่วนหน้า ซึ่งตั้งศูนย์บัญชาการที่ร้านก๊อสซิล่า บริเวณหน้าห้างซุปเปอร์ชีป เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งทรัพย์สินที่พบในบริเวณที่เกิดเหตุ และการรับเรื่องแจ้งความจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าตำรวจได้ร่วมกับเทศบาลตำบลรัษฎา ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิเข้าไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ได้เสร็จสิ้นการปฏิบัติงานแล้ว รวมทั้งพบจุดที่คาดว่าจะเป็นต้นตอของการเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งจุดนี้ยังไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ มีเนื้อทีประมาณ 120 ตารางเมตร อยู่บริเวณกึ่งกลางของพื้นที่ที่ถูกเพลิงไหม้ และจากการเข้าตรวจสอบไม่พบผู้เสียชีวิต พบเพียงทรัพย์สินของทางห้าง ซึ่งประกอบด้วย ตู้นิรภัยจำนวน 13 ใบ โดยขณะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งมอบพื้นที่ และทรัพย์สินให้แก่แทนของบริษัทไปแล้ว คือ นายวินัย เอียดแก้ว ตัวแทนรับมอบอำนาจจากบริษัท