ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เฒ่าวัย 66 ปี นอนเสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสารสายภูเก็ต-หาดใหญ่ หลังกลับจากงานประเพณีชักพระจังหวัดสงขลา ด้านตำรวจคาดน่าจะเกิดจากโรคประจำตัว หรือเป็นโรคลมชัก
เมื่อเวลา 04.30 น. วันนี้ (21 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากพนักงานขับรถทัวร์ว่า มีผู้โดยสารนอนเสียชีวิตภายในรถทัวร์โดยสารประจำทางสายภูเก็ต-หาดใหญ่ ที่บริเวณสถานีขนส่งภูเก็ตแห่งที่ 2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้ง ร.ต.อ.สมชาย หนูบุญ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จึงรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถทัวร์ขาเข้าสถานีขนส่งภูเก็ตแห่งที่ 2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พบรถทัวร์โดยสารประจำ 2 ชั้น ทางสายภูเก็ต-หาดใหญ่ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 10-1973 ตรัง ของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง จำนวน 48 ที่นั่ง โดยที่ชั้นแรกมีจำนวน 10 ที่นั่ง ซึ่งที่เบาะหมายเลข 2 ฝั่งด้านขวา พบศพ นายประสาน ปิยวงศ์ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/36 ม.7 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ สภาพนอนหงายลืมตาเสียชีวิต สวมเสื้อแขนสั้นสีขาวลายขวางตัดสีเทา สวมกางเกงขาสั้นสีเทา สวมรองเท้าแตะสีดำ จากการตรวจสอบตามตามร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจึงนำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบถามเพื่อนผู้ตายบอกว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 ต.ค. ตนเองและผู้ตายได้เดินทางไปขายของในงานชักพระที่จังหวัดสงขลา หลังจากขายของเสร็จตนเอง และผู้ตายได้เดินทางกลับจากจังหวัดสงขลา โดยได้ขึ้นรถทัวร์โดยสารประจำทางที่ บขส.หาดใหญ่เวลา 21.30 น. ซึ่งในระหว่างนั่งรถผู้ตายได้นั่งหลับตลอดเวลา และผู้ตายมารู้สึกตัวเมื่อเวลา 01.40 น.ของวันเดียวกัน แต่ตนเองก็ไม่สนใจตนเองก็ได้หลับต่อ พอรถทัวร์คันดังกล่าวเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตที่บริเวณอำเภอถลาง ผู้ตายก็มีอาการไออย่างหนัก และชักเกร็ง ตนเองเห็นจึงพยายามช่วยเหลือตลอดเวลา จนกระทั่งผู้ตายหมดสติไป ตนเองคิดว่าผู้ตายอาจจะหลับไปเองจึงไม่ได้คิดอะไร และไม่ได้บอกพนักงานขับรถ จนมาถึงจุดจอดรถ บขส.2 ภูเก็ต ตนเองได้ปลุกผู้ตายให้ตื่น แต่กลับพบว่าผู้ตายตัวแข็งนอนเสียชีวิตแล้ว จึงบอกพนักงานขับรถให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากโรคประจำ หรือเป็นลมชัก ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะทำการสืบสวนต่อไป