ปัตตานี - แม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อน ทหาร ตำรวจ ร่วมรดน้ำศพ 2 ทหารกล้า เหยื่อระเบิดที่ อ.โคกโพธิ์ ก่อนที่จะส่งศพกลับบ้านเกิดที่ จ.ขอนแก่น และ จ.เลย ส่วนอีก 4 นายที่ได้รับบาดเจ็บอาการปลอดภัยแล้ว ด้าน ผบ.ฉก.ปัตตานี 21 ยังคงกดดันไล่ล่าคนร้ายปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
เวลา 09.00 น. วันนี้ (15 ก.ย.) ที่วัดสุวรรณกร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพทหารกล้าทั้ง 2 นาย ที่เสียชีวิตขณะเดินทางด้วยรถยนต์ยูนิม็อก พร้อมด้วยเพื่อนทหารรวม 6 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่งานด้านมวลชนสัมพันธ์ ในพื้นที่ ม.5 บ้านตุปะ ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ปรากฏว่า ระหว่างทางได้ถูกกลุ่มก่อความไม่สงบกดชนวนระเบิดน้ำหนัก 50 กก. ฝังไว้ใต้ถนนเป็นเหตุให้ จ.ส.อ.สมควร แก้วดี อายุ 52 ปี และ ส.อ.เชิด ศรีจำนง อายุ 25 ปี สังกัด ร้อย ร.8032 ฉก.ปัตตานี 21 เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ทำการวางพวงหรีดของนายกรัฐมนตรี ผบ.ทบ. และของตนเอง พร้อมกับมอบเหรียญบางระจันเชิดชูเกียรติ และเงินช่วยเหลือครอบครัวเบื้องต้น เช่นเดียวกับอีกหลายหน่วยงานก็ได้ทำการวางพวงหรีด และมอบเงินช่วยเหลือเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ครอบครัวของทหารกล้าทั้ง 2 นาย ที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยมีผู้บังคับบัญชา ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง รวมไปถึงเพื่อนทหาร ตำรวจ และประชาชนมาร่วมรดน้ำศพจำนวนมาก
ภายหลังพิธีรดน้ำศพ จะได้เคลื่อนศพต่อไปยังสนามบินบ่อทอง เพื่อทำพิธีส่งศพอย่างสมเกียรติส่งขึ้นเครื่องบิน ซี 130 เดินทางไปลงสนามบินขอนแก่น จากนั้นจะเคลื่อนศพแยกย้ายกลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนาต่อไป โดยศพของ จ.ส.อ.สมควร แก้วดี จะกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ขอนแก่น ส่วน ส.อ.เชิด ศรีจำนง อายุ 25 ปี จะบำเพ็ญกุศลที่ จ.เลย
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย ขณะนี้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยทั้ง 4 นายอาการปลอดภัยแล้ว มีเพียง พลฯ ธาริน ปิสิน อาการสาหัสที่สุด แพทย์ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะที่ความคืบหน้าในการไล่ล่ากลุ่มคนร้ายนั้น พ.ท.ชูชาติ นนทบุตร ผบ.ฉก.ปัตตานี 21 ยังคงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มแนวร่วมระดับปฏิบัติการที่ก่อเหตุครั้งนี้ยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ โดยจากพยานหลักฐานเบื้องต้นรู้ตัวแล้ว ซึ่งคนร้ายกลุ่มนี้พยายามที่จะหลบหนีออกจากพื้นที่ จึงต้องมีการระดมกำลังปิดล้อมเป้าหมาย และกดดันไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความระมัดระวังเน้นความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักหากต้องเผชิญเหตุ