ยะลา - ผบ.ตร.ทำพิธีเปิดอนุสรณ์สถาน เชิดชูเกียรติ สดุดีวีรกรรมตำรวจชายแดนใต้ 317 นาย ที่พลีชีพเพื่อในการปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 09.59 น. วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ลานอนุสรณ์สถาน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน เปิดอนุสรณ์สถานตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ และสดุดีในวีรกรรมแด่ “317ตำรวจผู้กล้า” ที่เสียสละพลีชีพจากการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบสุขให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547 และเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้อนุชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ แม้ต่างอัตลักษณ์ต่างวัฒนธรรม ก็สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติได้
โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยตำรวจ ทหาร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และทายาทของข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมในพิธี
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เปิดเผยว่า อนุสรณ์สถานตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ แห่งนี้ เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2555 โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต./ผบ.ศปก.ตร.สน. และคณะดำเนินการก่อสร้างในวงเงิน 15,170,000 บาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 270 วัน ในพื้นที่ขนาด 6,880 ตารางเมตร หรือ 4 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา ภายในบริเวณที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา โดยใช้รูปหล่อสำริด “ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน” ขนาดสูง 2 เมตร ตั้งบนฐานมีแท่นจารึกรายชื่อของข้าราชการตำรวจผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับแต่ปี 2547 เป็นต้นมา รวม 8 แท่น รวม 317 นาย
ซึ่งการก่อสร้างครั้งนี้ ถือเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการยกย่องเชิดชูเกียรติ และสดุดีวีรกรรรมอันกล้าหาญของเหล่า “ตำรวจผู้กล้า” ที่สมัครใจมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ “ผู้พิทักษ์และรับใช้ประชาชน” อย่างไม่หวาดหวั่นต่อภัยอันตรายแม้เสียชีวิต ถือเป็นความเสียสละที่สูงค่ายิ่งต่อประเทศชาติ จึงควรค่าอย่างยิ่งที่จะจารึกชื่อตำรวจผู้กล้าเหล่านี้ไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล และจารึกเป็นประวัติศาสตร์ให้อนุชนรุ่นต่อไปได้ศึกษาค้นคว้า ตลอดทั้งเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ แม้ต่างศาสนา และวัฒนธรรม
