ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล” ร่อนแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชา ปล่อยตัว “ยอม บุปผา” นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวชาวเขมร ที่ได้ถูกสั่งคุมขังด้วยข้อหาที่คลุมเครือเมื่อปีที่แล้ว
วันนี้ (4 ก.ย.) องค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศกัมพูชา ปล่อยตัวนักกิจกรรมที่ถูกคุมขัง โดยระบุว่า นางยอม บุปผา (Yorm Bopha) นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวกัมพูชา ได้ถูกสั่งคุมขังด้วยข้อหาที่คลุมเครือเมื่อปีที่แล้ว แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาต้องปล่อยตัวเธอทันที ก่อนจะถึงวาระครบรอบหนึ่งปีของการจับกุมตัวเธอ
นางยอม บุปผา อายุ 30 ปี เป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง เธอทำงานเพื่อปกป้องสิทธิด้านที่อยู่อาศัยของชุมชน และถูกจับกุมเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2555 ต่อมา ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี โดยการไต่สวนที่ไม่เป็นธรรมเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว
อิสเบล อาร์ราดอน (Isabelle Arradon) รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ให้การรับรองยอมเป็นนักโทษด้านความคิด เธอถูกจองจำเพียงเพราะการเคลื่อนไหวอย่างสงบ และการปกป้องสิทธิของสมาชิกในชุมชนที่ต้องสูญเสียถิ่นฐานบ้านเรือนเนื่องจากการไล่รื้อ จึงเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาต้องปล่อยตัวเธอทันที และอย่างไม่มีเงื่อนไข
กัมพูชาอยู่ในสภาพตึงเครียดทางการเมือง ภายหลังการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยข้อพิพาทเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2556 โดยทั้งพรรครัฐบาล หรือพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party) และพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคกู้ชาติ (Cambodia National Rescue Party) ต่างอ้างว่ามีชัยชนะในการเลือกตั้ง
“เราต้องไม่ลืม ยอม บุปผา แม้จะเกิดการชะงักงันทางการเมืองในปัจจุบัน กรณีของเธอ และชุมชนเป็นภาพสะท้อนปัญหาที่นำไปสู่ความไม่พึงพอใจที่เพิ่มมากขึ้นในกัมพูชา ทั้งในแง่การพัฒนาที่ไม่เท่าเทียม ข้อพิพาทด้านที่ดิน และการไล่รื้อ รวมทั้งระบบยุติธรรมที่ไม่สามารถคุ้มครองสิทธิของคนยากจน และยังถูกใช้เพื่อปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความเห็น” อาร์ราดอนกล่าว
ก่อนหน้านี้ ยอม บุปผา ได้รณรงค์อย่างเข้มแข็งเพื่อสิทธิของชุมชนของเธอ ในบริเวณที่เคยเป็นทะเลสาบบึงแขก (Boeung Kak Lake) ในกรุงพนมเปญ เมืองหลวง โดยมีการไล่รื้อบ้านเรือนของประชาชนหลายพันคนออกจากที่ดินผืนดังกล่าว ภายหลังมีบริษัทเอกชนเข้ามาเช่าซื้อตั้งแต่เมื่อปี 2550
เธอมีบทบาทเป็นแกนนำการรณรงค์เพื่อให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมที่เป็นผู้หญิง 13 คน หรือที่เรียกว่ากลุ่ม “บึงแขก 13” เนื่องจากพวกเธอได้ถูกตัดสินลงโทษจำคุกคนละมากถึง 2 ปีครึ่ง เมื่อเดือน พ.ค.2555 หลังจากเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ
ยอม บุปผา ถูกกล่าวหาว่า วางแผนทำร้ายผู้ชาย 2 คน เมื่อเดือน ส.ค.2555 และถูกตัดสินลงโทษเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ในข้อหา “ใช้กำลังประทุษร้ายอย่างจงใจ” แต่พยานซึ่งให้ปากคำในระหว่างการไต่สวน ให้ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน และบางทีก็ขัดแย้งกันเอง และในระหว่างที่เกิดเหตุตามข้อกล่าวหา พยานบางคนอยู่ในสภาพมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าในการไต่สวนชั้นอุทธรณ์ในเดือน มิ.ย.2556 จะยังมีความลักลั่นของคำให้การเหล่านี้ แต่ศาลก็พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยให้รอลงอาญาโทษจำคุกของ ยอม บุปผา 1 ปี จาก 3 ปี ที่ผ่านมา ยอม บุปผา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา
“การขาดพยานหลักฐานที่ใช้เอาผิด ยอม บุปผา ทำให้ไม่ยากที่จะสรุปว่า เธอได้ตกเป็นเป้าการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมของทางการ เธอเป็นเพียงหนึ่งในนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอีกหลายคนที่ถูกคุกคาม ข่มขู่ ทำร้าย และถูกคุมขังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดตั้ง จะต้องยุติแนวโน้มที่น่ากังวลใจเหล่านี้โดยด่วน และประกันให้มีพื้นที่สำหรับนักกิจกรรมในแนวสันติที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญ และชอบธรรมของตนในกัมพูชา” อาร์ราดอนกล่าว