นราธิวาส – นักเรียนไทยที่อพยพกลับจากอียิปต์ เรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหาสถานที่เรียน หลังอียิปต์ไร้สัญญาณยุติสงครามกลางเมือง
วันนี้ (31 ส.ค.) ที่ห้องประชุมโรงเรียนดารุลกรุอ่านนิลการิม ม.4 บ้านบาลูกาสนอ ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัลอัซอัร วิทยาเขตไคโร ประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส และผู้ปกครองกว่า 50 คน ได้เข้าพบกับ นายอับดุลเราะหมาน อับดุลสมัด ประธานสมาพันธ์กรรมการอิสลาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เป็นคนกลางในการร่วมมือกับภาครัฐเรียกร้องข้อเสนอ ภายหลังจากนักศึกษาไทยในอียิปต์ได้หนีภัยสงครามกลางเมืองในประเทศอียิปต์ และเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางกลุ่มนักศึกษาได้ร่วมกันถกปัญหา และรับทราบปัญหาเพื่อรวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาหลังกลับบ้านเกิด และยังเป็นบุคคลที่ไร้สถานที่การศึกษา
น.ส.นูรีซัน เตะ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ตนและนักศึกษาไทยในอียิปต์ หลังจากกลับประเทศทุกคนยังรอคอยความหวังว่าสงครามในอียิปต์จะจบสิ้นโดยเร็ว เพราะทุกคนยังตั้งความหวังที่จะกลับไปเรียนต่อที่นั่น แต่ในระหว่างนี้ต้องบอกว่าเริ่มจะเครียด เพราะเปรียบเหมือนคนว่างการศึกษา ทั้งที่ทุกคนอยู่ในวัยเรียน จึงอยากเรียกร้องไปยังยังรัฐบาล ในช่วงระยะนี้ไม่อยากให้นักศึกษาหลายร้อยชีวิตต้องลอยไปลอยมา เปรียบเหมือนคนไร้จุดหมาย การที่นักศึกษาไม่ได้เรียน หรือทบทวนตำรับตำราในเวลานานจะเกิดผลเสียอย่างแน่นอน
โดยในระยะเร่งด่วน อยากให้รัฐช่วย 2 รูปแบบ คือ จัดหาสถานศึกษา พร้อมบุคลาการ เพื่อติวตำราหนังสือเรียน และควรเตรียมการเพื่อหาสถานศึกษาทั้งใน และต่างประเทศ แหล่งวิชาความรู้ให้เหมาะสมกับนักศึกษาดังกล่าว ควรทำอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม
ด้านนายมูหัมหมัด อับดุลสมัด นักเรียนไทยในอียิปต์ ซึ่งมีภูมิอยู่พื้นที่ อ.ยี่งอ กล่าวว่า ที่ผ่านมาขอบคุณนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่มีความจริงใจกับนักศึกษาไทยในอียิปต์ ให้การช่วยเหลือกลับมาประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย สำหรับสิ่งที่จะเรียกร้อง เพราะขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ที่จะบอกได้ว่า ศึกสงครามในประเทศอียิปต์จะสงบ และยืดเยื้อนานแต่ไหน และนักศึกษาจะได้กลับไปเรียนเหมือนเช่นปกติหรือไม่ เชื่อว่าคงไม่มีใครรับประกัน ฉะนั้น รัฐบาลต้องจัดหาวิธีการจัดการอย่างเร่งด่วน เพราะปัญหาของนักศึกษาคือ ไร้สถานศึกษา จึงอยากขอร้องไปยังยังรัฐบาลช่วยดูแลในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งเชื่อว่าคงไม่พ้นขีดความสามารถของรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน
