ปัตตานี - “มาฮูเซ็น แมฮะ” 1 ในผู้ต้องหาทีมลอบสังหาร “อิหม่ามยะโก๊บ” ดอดให้ญาติพามอบตัวแล้ว หลังถูกกดดันหนัก และกลัวถูกตัดตอน ตร.กันนักข่าว และหิ้วตัวไปสอบเครียดกว่า 3 ชม. เผยยังปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจในพยานหลักฐาน
จากกรณีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐาน และสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 ราย จาก 4 รายที่ร่วมก่อเหตุ โดยหลักฐานสำคัญคือ ภาพจากกล้องวงจรปิด และจากวัตถุพยานต่างๆ
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดนั้น วันนี้ (25 ส.ค.) ที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้รับการติดต่อจากญาติของ นายมาฮูเซ็น แมฮะ ผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 ในทีมคนร้ายมือสังหารอิหม่ามยะโก๊บ หร่ายมณี และต้องการให้มีการดูแลความปลอดภัยขณะเดินทางเข้ามอบตัว
โดยในเวลา 10.00 น. ผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้เดินทางมาถึง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวเข้าไปในห้องสอบสวนพิเศษ เพื่อทำการสอบสวนอย่างเคร่งเครียดกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้พนักงานสอบสวน และชุดตรวจพิสูจน์เข้าทำการสอบสวน และเก็บดีเอ็นเอผู้ต้องหาไปตรวจเทียบเคียงกับหลักฐานที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การมอบตัวของผู้ต้องหาในครั้งนี้ไม่เป็นการเปิดเผยรายละเอียด และห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวทำข่าว ซึ่ง พล.ต.ต.เอกภพ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ให้เหตุผลว่า การที่ผู้ต้องหาออกมามอบตัวครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้มีการกดดันอย่างหนัก และมีการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ในขณะนี้ เพราะต้องรอผลการซักถามก่อน และเกรงจะเสียรูปคดี จึงอยากให้มีการสืบสวนสอบสวนให้แน่ชัดกว่านี้
โดยหลังจากนี้ จะส่งตัว นายมาฮูเซ็น เข้าสู่กระบวนการซักถาม เพื่อขยายผลที่ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 41 อ.รามัน จ.ยะลา ต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่ยังหลบหนีเจ้าหน้าที่กำลังเร่งไล่ล่าจับกุม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวในชุดสืบสวนสอบสวนเผยว่า ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อีกทั้งได้มีญาติ และครอบครัวมาให้กำลังใจ ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบยิง นายยะโก๊บ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจน