นราธิวาส - ผอ.ททท.นราธิวาส ห่วงไฟใต้กระทบการท่องเที่ยว แต่ยังเชื่อมั่นการรักษาความปลอดภัย เดินหน้าจัดมหกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ “หอการค้านราแฟร์” หวังดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้าพื้นที่ คาดมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
นายอะหมาน หมัดอาดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังมีความรุนแรง โดยหวั่นว่าจะกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความคึกคัก และกระตุ้นให้คนในพื้นที่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น
ซึ่งมหกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ “หอการค้านราแฟร์” ที่เตรียมจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในระหว่างวันที่ 29-31 ส.ค.นี้ ที่ลานอเนกประสงค์สนามกีฬามหาราช ซึ่งตรงกับช่วงวันหยุดเนื่องในวันชาติของมาเลเซีย คือ วันที่ 31 ส.ค.2556 ทำให้มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าในห้วงดังกล่าวจะมีเงินสะพัดใน อ.สุไหงโก-ลก มากกว่า 10 ล้านบาท
ส่วนการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่สามารถดูแลควบคุม และสั่งการหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงได้โดยตรง รวมถึงการพูดคุยสันติภาพที่ดำเนินการอยู่นั้น เชื่อว่ามีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มาก
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มิติด้านการท่องเที่ยวได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2557 ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส ได้เตรียมจัดโรดโชว์ที่รัฐมะละกา และรัฐยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซีย เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จากทั้ง 2 รัฐนี้ เนื่องจากเป็น 2 รัฐที่ยังมีการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ต่อเนื่อง แม้ในระยะหลังจะมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น
และขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณในการส่งเสริมการจัดการท่องเที่ยวเชิงศาสนา และวัฒนธรรมลงพื้นที่ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยจากต่างภูมิภาคเข้ามาศึกษาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม และศาสนาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะยังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการเข้ามาในพื้นที่ แต่อาจจำเป็นต้องมีการเข้าไปดูแล และสนับสนุนในบางส่วนเพื่อกระตุ้นให้มีการตัดสินใจลงมาท่องเที่ยวพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น
ส่วนในระดับพื้นที่ ในมิติด้านความมั่นคง ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ซึ่งมีการปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่อยากเสนอให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยในตัวเมืองของพื้นที่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด มีการแต่งกายเป็นชุดเฉพาะ และไม่ถืออาวุธโจ่งแจ้งมากนัก เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเกิดความหวาดวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่
นายอะหมาน หมัดอาดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังมีความรุนแรง โดยหวั่นว่าจะกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความคึกคัก และกระตุ้นให้คนในพื้นที่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น
ซึ่งมหกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ “หอการค้านราแฟร์” ที่เตรียมจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในระหว่างวันที่ 29-31 ส.ค.นี้ ที่ลานอเนกประสงค์สนามกีฬามหาราช ซึ่งตรงกับช่วงวันหยุดเนื่องในวันชาติของมาเลเซีย คือ วันที่ 31 ส.ค.2556 ทำให้มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าในห้วงดังกล่าวจะมีเงินสะพัดใน อ.สุไหงโก-ลก มากกว่า 10 ล้านบาท
ส่วนการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่สามารถดูแลควบคุม และสั่งการหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงได้โดยตรง รวมถึงการพูดคุยสันติภาพที่ดำเนินการอยู่นั้น เชื่อว่ามีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มาก
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มิติด้านการท่องเที่ยวได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2557 ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส ได้เตรียมจัดโรดโชว์ที่รัฐมะละกา และรัฐยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซีย เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จากทั้ง 2 รัฐนี้ เนื่องจากเป็น 2 รัฐที่ยังมีการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ต่อเนื่อง แม้ในระยะหลังจะมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น
และขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณในการส่งเสริมการจัดการท่องเที่ยวเชิงศาสนา และวัฒนธรรมลงพื้นที่ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยจากต่างภูมิภาคเข้ามาศึกษาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม และศาสนาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะยังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการเข้ามาในพื้นที่ แต่อาจจำเป็นต้องมีการเข้าไปดูแล และสนับสนุนในบางส่วนเพื่อกระตุ้นให้มีการตัดสินใจลงมาท่องเที่ยวพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น
ส่วนในระดับพื้นที่ ในมิติด้านความมั่นคง ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ซึ่งมีการปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่อยากเสนอให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยในตัวเมืองของพื้นที่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด มีการแต่งกายเป็นชุดเฉพาะ และไม่ถืออาวุธโจ่งแจ้งมากนัก เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเกิดความหวาดวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่