สุราษฎร์ธานี - สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เริ่มคลี่คลาย หลายพื้นที่เข้าสู่ภาวะปกติหลังฝนลดปริมาณลง แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีฝนตกในเขตอุทยานทั้ง 2 แห่ง ส่วนชาวบ้านคลองพนมกว่า 50 ครัวเรือน ยังถูกตัดขาด ล่าสุด ทางจังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอพนมเป็นพื้นที่ประสพภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว
จากกรณีเกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก และอุทยานแห่งชาติคลองพนม ได้ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 ตำบล ของอำเภอพนม ล่าสุด เช้าวันนี้ (3 ส.ค.) สถานการณ์เริ่มคลี่คลายหลังฝนทิ้งช่วงลดปริมาณลงทำให้น้ำระบายลงสู่แม่น้ำตาปีได้เร็ว ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมขังถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างสุราษฎร์ธานีกับอำเภอตะกั่วป่า บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 86-87 ยาวกว่า 80 เมตร ระดับน้ำสูงกว่า 60 เซนติเมตร ได้ลดลงสู่ภาวะปกติ แต่ระดับน้ำยังคงท่วมขังบ้านเรือนราษฎรในที่ลุ่มระดับน้ำยังคงสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านหมู่ที่ 4 บ้านช่องลม ตำบลคลองสก จำนวนหนึ่งยังอาศัยอยู่ริมทางยังไม่ขนย้ายทรัพย์เข้าบ้านหวั่นน้ำมาอีกระลอก
นายถาวร พรหมฉิม นายอำเภอพนม ได้สรุปสถานการณ์ในเบื้องต้น มีพื้นที่ได้รับความเสียหาย 5 ตำบล 11 หมู่บ้าน สะพานขาด 1 แห่ง โรงเรือนเก็บของเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง เสียหายบางส่วน 10 หลัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 250 ครัวเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 2,000 คน ส่วนพื้นที่การเกษตร และถนนอยู่ในระหว่างการสำรวจ ส่วนชาวนบ้านหมู่ที่ 8 บ้านคลองพนมกว่า 50 ครัวเรือน ยังคงถูกตัดขาด ทางการยังไม่สามารถดำเนินช่วยเหลือได้ เหตุไม่มีสะพานแบริ่ง
อย่างไรก็ตาม นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอพนม เป็นพื้นที่ประสพภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว