ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คนร้ายป่วนลอบวางระเบิดเพลิงร้านขายของชำในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โชคดีที่เจ้าของร้านสังเกตเห็นความผิดปกติ แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าทำการเก็บกู้ไว้ได้ก่อนที่ระเบิดจะทำงาน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ (1 ส.ค.) ร.ต.อ.นพวิทย์ วาจาสุจริต ร้อยเวร สภ.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายนำวัตถุต้องสงสัยคล้ายวัตถุระเบิดวางไว้ภายในร้านทวีภัณฑ์ ซึ่งเป็นร้านขายของเบ็ดเตล็ด เลขที่ 1 ม.1 ถ.พัทลุง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว เปิดเป็นร้านขายของเบ็ดเตล็ด และมีสินค้าวางขายอยู่ภายในร้านจำนวนมาก พบนายศุภโชค ไกรขจรกิตติ อายุ 40 ปี เจ้าของร้านได้ชี้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูวัตถุต้องสงสัยที่มีคนเอามาวางปะปนกับสินค้า ซึ่งเป็นกระป๋องใส่ถั่วยี่ห้อโก๋แก่ โดยพบว่ามีสายไฟโผล่ออกมา เจ้าหน้าที่จึงทำการเก็บกู้นำออกมาทำลายด้วยการใช้ปืนฉีดด้วยน้ำแรงดันสูงใส่วัตถุต้องสงสัย เพื่อทำลายวงจรจนแตกกระจาย
ตรวจสอบพบว่า ภายในกระป๋องมีดินประสิวบรรจุไว้ น้ำมันเบนซินจำนวนหนึ่ง นาฬิกาดิจิตอล 1 เรือน และมีสายไฟผูกรัดไว้กับถ่านแบตเตอรี่ 1 ก้อนบรรจุรวมกันไว้ คาดว่ากระป๋องที่พบเป็นระเบิดเชื้อเพลิงจุดชนวนด้วยการตั้งเวลา คนร้ายนำมาวางไว้หวังสร้างสถานการณ์
โดยนายศุภโชค เจ้าของร้านให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายวัยรุ่น 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อ และทะเบียน ก่อนจอดรถไว้หน้าร้าน แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับถือกระป๋องโก๋แก่ ทำทีเป็นลูกค้าเดินเข้ามาถามหาซื้อรองเท้าเตะ และขณะที่ตนเองกำลังจะเดินไปหยิบรองเท้าเตะให้ดู ปรากฏว่า ชายดังกล่าวได้วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็วจนผิดสังเกต และเมื่อตนเองหันไปดูชั้นวางสินค้า ก็พบว่ามีกระป๋องโก๋แก่ของชายคนดังกล่าววางอยู่ และสังเกตเห็นมีสายไฟโผล่ออกมา คาดว่าอาจจะเป็นระเบิดจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบจนพบว่าเป็นระเบิดเพลิง และโชคดีที่สามารถเก็บกู้เอาไว้ได้ทัน
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคาดว่า เป็นฝีมือของแนวร่วมในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบเชื่อมโยงกับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน พร้อมกับประสานให้เจ้าหน้าที่ใน 4 อำเภอชายแดนสงขลา ทั้ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย รวมทั้ง อ.หาดใหญ่ เฝ้าระวังพื้นที่อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะช่วงสุดท้ายของเดือนรอมฎอน
