ปัตตานี - เกือบเดือนแล้วคดียิงโต๊ะครูปอเนาะปูลาฆาซิง ยังไม่คืบ ส่วนญาติยังคงเชื่อว่าเป็นการกระทำของคนมีสี จึงเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องให้ความกระจ่าง เพราะอาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณบ้านเลขที่ 25 ม.4 บ้านปูลากาซิง ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของปอเนาะปูลาฆาซิง ได้มีการจัดเวทีการเสวนาเพื่อหาข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของนายอิสมาแอล ปาโอ๊ะมานิ โต๊ะครูปอเนาะปูลาฆาซิง หลังจากที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเสียชีวิตบนระเบียงสุเหร่าของปอเนาะดังกล่าว และภรรยานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นเหตุให้ญาติ และชาวบ้านไม่พอใจอย่างมาก และเข้าใจว่าเป็นการกระทำของคนมีสี
ในวันเกิดเหตุ ญาติถึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าทีร่วมการชันสูตรพลิกศพแต่อย่างใด โดยญาติ และชาวบ้านได้มีการสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าภายในบริเวณปอเนาะโดยเด็ดขาด ทำให้ความรู้สึกแค้นของชาวบ้านยังคงมีอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากผู้ตายเป็นลูกโต๊ะครูซึ่งเดิมได้เปิดเป็นปอเนาะสอนหนังสือกีตาบแบบเรียนปอเนาะ เมื่อบิดาเสียชีวิตได้กลายเป็นปอเนาะร้าง แต่นายอิสมาแอลได้ทำหน้าที่เป็นโต๊ะครูสอนบรรยายธรรม ต่อมา ชาวบ้านเริ่มมาเรียนที่สุเหร่า หรือบาลัยแห่งนี้ ในช่วงเกิดเหตุความไม่สงบตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 นายอิสมะแอ ถูกเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าเป็นแกนนำคนสำคัญที่ก่อเหตุ มีค่าหัวในพื้นที่ประมาณ 3 ล้านบาท จึงต้องหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อปี่ที่แล้ว ถูกทางการจับกุมได้ และถูกตั้งข้อหามีอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จนทำให้เจ้าหน้าที่นำตัวฝากขังที่ศาลแล้วยื่นหลักทรัพย์ประมาณ 1,800,000 บาท เพื่อขอประกันตัวสู้คดี จนกระทั่งในปีเดียวกัน ทางพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงได้รับอิสรภาพ
หลังจากนั้น นายอิสมาแอล (โต๊ะครู) ได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง จึงมีแนวคิดที่จะฟื้นฟูปอเนาะขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้ปล่อยให้ร้างในระหว่างหลบหนี ซึ่งได้เปิดสอนหนังสือ หรือสอนกีตาบเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน โดยมีลูกหลาน เยาวชนในพื้นที่เข้ามาเรียนแต่ไม่ได้มาพักอยู่ที่ปอเนาะ เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงปอเนาะ จนกระทั่งถูกยิงจนเสียชีวิต จึงไม่แปลกที่จะเกิดความรู้สึกระแวงกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ตายที่ยากที่จะเยียวยา เพราะความรู้สึกที่ถูกฝังลึกที่รัฐฝังไว้กับโต๊ะครู รวมทั้งญาติตลอดจนประชาชนในพื้นที่แห่งนี้ที่ถูกตราว่าเป็นโจรใต้
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมและองค์กรภาคประชาชนที่ทำงานในพื้นที่ ร่วมจัดกิจกรรม “พลังเครือข่ายประชาชนป้องกันภัยคุกคามต่อชีวิตท่ามกลางการพูดคุยสันติภาพ เพื่อหาข้อเท็จจริง” เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมชี้แจงกรณีเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงนายอิสมะแอล ปาโอ๊ะมานิ พร้อมภรรยา นางปาอีซะ วันเย็น บริเวณหน้าบาลัย หรือสุเหร่าละหมาดปอเนาะปูลากาซิง ม.4 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี มีประชาชนมาร่วมรับฟังกว่า 200 คน การร่วมเวทีเสวนาในครั้งนี้ โดยมี ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียติ วงษ์โพธิพันธ์รอง ศอ.บต. พ.อ.บุญสิน พาดกลาง ผบ.ฉก.ทพ. 22 พ.ต.อ.ปพนวัฒน์ ขัตติยะวรานันท์ ผกก.สภ.บ้านโสร่ง และ นายสิทธิพงษ์ จันทร์วิโรจน์ ประธานมูลนิธิศูนย์
ภายในงานยังมีการสาธิตหุ่นฟางจำลองคนร้ายที่ได้ก่อเหตุในครั้งนั้นด้วย และมีการติดภาพประชาชนในพื้นที่ ต.กอลำ ที่เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันมาแล้ว 14 คน และนายอิสมาแอล เป็นคนที่ 14 เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของคนร้ายที่ได้ก่อเหตุ และยังไม่สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้เลย ภายในงานยังได้มีการอ่านพระคัมภีร์อัลกุรอาน เพื่ออุทิศกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับทั้ง 14 คน
ด้าน พ.อ.บุญสิน พาดกลาง ผบ.ฉก.ทพ. 22 กล่าวว่า รู้สึกดีที่มีเวทีลักษณะนี้ อยากให้ทุกคนได้ระบ่ายความรู้สึกที่มีอยู่ข้างใน เจ้าหน้าที่เองก็จะได้รับทราบปัญหา และจากการที่คุยกันก็ทำให้ชาวบ้านรู้สึกสบายใจ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมโดนด่าเป็นคนแรก ต่อมา นายอำเภอโดน และพยายามทำหน้าที่มาโดยตลอด ทุกครั้งมีโอกาสก็จะเข้าหาประชาชนเพราะถ้าไม่เข้าหาประชาชนผมก็อยู่ไม่ได้ เดี๋ยวพี่น้องจะมาไล่ไม่ให้อยู่อีก และที่ผ่านมา ผมได้มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนายอิสมะแอ ปาโอะมานิ มาโดยตลอดนับจากปี2551 จนถึงก่อนที่ นายอิสมะแอ จะถูกยิง เพราะก่อนที่เขาจะถูกยิงแค่ 1 อาทิตย์ เราได้คุยกัน ผมเป็นคนให้บัตรแก่ นายอิสมะแอล จะเปิดปอเนาะ หลังจากนั้น ไม่กี่วันเขาโดนยิง พวกเราอยู่ในพื้นที่นี้หวังมาตลอดว่าอยากให้พื้นที่นี้สงบ จึงได้พยายามสร้างความเข้าใจเพราะการพูดคุยจะทำให้เราเข้าใจกันปัญหาทุกอย่างก็จะดีขึ้นถ้าเรามีการพูดคุย สำหรับคดีเบื้องต้น ทางเรา 3 ฝ่ายสรุปว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ ภรรยาเขาก็ไม่ติดใจบอกว่าเป็นประสงค์ของอัลลอฮ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากแหล่งข่าวได้ระบุว่า ผู้ตายเคยเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่เจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่าเป็นแกนนำฝ่ายอูลามาอ์ (โต๊ะครู) ที่ทำหน้าที่ปลูกฝังอุดมการณ์เกลียดชัง และต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งถูกจับกุมแต่กลับถูกดำเนินคดีในเรื่องอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และถูกอัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะคดีไม่มีมูลไม่สามารถเชื่อมโยงได้ จึงกลับมามีอิสรภาพอีกครั้งหลังจากที่อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ มาหลายปี จนกระทั่งเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถของกำนันตำบลกอลำ ในระหว่างที่จะไปเดินทางไปประชุมประจำเดือนที่อำเภอยะรัง เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่โชคดีระเบิดในครั้งนั้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ระเบิดในครั้งนั้นอาจเป็นปมเหตุที่เข้าใจว่าผู้ตายเป็นผู้บงการ หรือสั่งการอาจกลายเป็นที่มาของการฆ่านายอิสมาแอล หรือโต๊ะครูหลังเกิดเหตุระเบิดในครั้งนั้นได้ไม่นาน ได้มีคนมีสีที่หมายจะเอาชีวิตแต่ถูกสายบังคับบัญชาห้ามไว้ จึงไม่ได้ลงมือ แต่ในที่สุดก็ถูกคนร้ายไม่ทราบฝ่ายเข้ามายิงในปอเนาะอย่างอุจอาจ และลอยนวล