นราธิวาส - “สุกำพล สุวรรณทัต” ระบุต้องเพิ่มกล้องวงจรปิดให้แก่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เผยห่วงสถานการณ์ไฟใต้ช่วงเดือนรอมฎอน สั่งกำชับแม่ทัพภาค 4 เข้มแผน รปภ.
วันนี้ (28 มิ.ย.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร ผบ.สส.และคณะได้เดินทางไปที่หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 45 ซึ่งตั้งอยู่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มี พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 ให้การต้อนรับ ก่อนคณะจะเข้าร่วมประชุมลับหน่วยกองกำลังในพื้น ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง และตำรวจ โดยประมาณ 10 นาที และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟัง
จากนั้นได้เดินไปตรวจกำลังพล และให้โอวาทว่า กำลังพลทุกหน่วยตั้งใจทำงาน เชื่อว่าภายใน 3-4 ปี สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะดีขึ้น และคลี่คลายได้อย่างแน่นอน แต่ขอให้ทหารทุกนายไม่ประมาทต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด ขอให้ปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพราะประชาชนฝากความหวังที่อยากเห็นความสันติสุข ก่อนมอบของบำรุงให้แก่กำลังพลและเดินสอบถามทุกข์สุขมกำลังพลอย่างเป็นกันเอง
ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.อ.สุกำพล รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ไม่ขอตอบเรื่องที่อาจโดนโยกย้ายจากกระทรวงกลาโหม ยอมรับในการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการรับฟังปัญหา และอุปสรรคของหน่วยกำลังทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่ 3 จชต. ซึ่งตนห่วงสถานการณ์ใต้ โดยเฉพาะเดือนรอมฎอนของชาวไทยมุสลิม และได้สั่งกำชับไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้มีการวางแผนมาตรการ รปภ.อย่างเข้มข้น คงไม่เพียงเฉพาะเดือนรอมฎอน แต่รวมถึงเดือนอื่นด้วย
ในส่วนของการจัดหายุทโธปกรณ์ให้แก่กำลังหน่วยในพื้นที่ เพื่อใช้งานในพื้นที่ 3 จชต.นั้น กระทรวงกลาโหมไม่เคยขัดข้องหากมีความจำเป็น แต่จากการตรวจสอบในขณะนี้เห็นว่าทุกหน่วยมีอาวุธยุทโธปกรณ์เพียงพอ ยังไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่ที่สรุปได้ และเห็นชอบด้วยคือ การจัดหากล้องวงจรปิดเพิ่มเติมเพื่อติดตั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในส่วนนี้มีประโยชน์มาก เพราะหลายครั้งฝ่ายตรงข้ามก่อเหตุ บางจุดไม่มีกล้องวงจรปิด และบางจุดวงจรปิดถูกทำลายเสียหาย ซึ่งจำเป็นที่จะต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดคลอบคลุมให้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการขยายผลเพื่อตามติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในแต่ละเหตุการณ์ได้
โดยวันเดียวกัน พล.อ.อ.สุกำพล และคณะได้ประชุมที่สโมสรร่มเกล้า ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าสับเปลี่ยนกำลังของเจ้าหน้าที่แ ละแผนการปฏิบัติหน้าที่ โดยกำชับให้ทุกฝ่ายปฏิบัติงานให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย โดยเฉพาะเดือนรอมฎอน ซึ่งชาวไทยมุสลิมต้องไปมาระหว่างตลาดเพื่อจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมละศีลอด และการไปและกลับมัสยิดเพื่อละหมาด ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ชาวไทยมุสลิมต้องปฏิบัติประจำวันในเดือนรอมฎอน
