ตรัง - พี่ชายควงปืน 9 มม. ฟาดหัวน้องชายกลางบ้านขณะนั่งก๊งเหล้ากับเพื่อน ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นแย่งปืนจนลั่น 2 นัด กระสุนเจาะหัวพี่ชายดับสยองคาที่ ส่วนน้องชายก็บาดเจ็บเช่นกัน ตร.เผยเหตุมาจากความขัดแย้งในครอบครัวที่ระหองระแหงมานานแล้ว
เมื่อเวลา 00.30 น. วันนี้ (27 มิ.ย.) ร.ต.ท.มนตรี สงคง ร้อยเวรสอบสวน สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง รับแจ้งเหตุทำอาวุธปืนลั่นทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 166 ม.6 ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ จ.ตรัง แพทย์โรงพยาบาลห้วยยอด และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง
โดยที่เกิดเหตุภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นของนายอมร โพธิ์วิจิตร อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่พบว่ามีการตั้งวงดื่มสุรา และใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือด ทราบชื่อคือ นายทรรศวิทย์ โพธิ์วิจิตร อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 ม.6 ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณท้ายทอย กระสุนทะลุหน้าผาก จำนวน 1 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอมร ได้ตั้งวงดื่มสุราในบ้านของตัวเอง พร้อมกับเพื่อนๆ ประมาณ 3-4 คน ระหว่างนั้น นายทรรศวิทย์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นพี่ชายก็ได้เดินถืออาวุธปืนตรงปรี่เข้ามาหา นายอมร น้องชาย และตบที่ศีรษะของน้องชายอย่างแรงจนเลือดไหลอาบโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปราม เพราะเห็นว่าพี่น้องคู่นี้ทะเลาะกันประจำ
หลังจากนั้น นายอมร น้องชายก็ได้ลุกขึ้นแย่งอาวุธปืนจากมือนายทรรศวิทย์ พี่ชาย แต่ในขณะที่กำลังชุลมุนอยู่นั้นอาวุธปืนได้เกิดลั่นขึ้น จำนวน 2 นัด โดยไปถูกนายอมร เข้าที่บริเวณที่เข่า จำนวน 1 นัด และยังไปถูกนายทรรศวิทย์ เข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิตทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนๆ ร่วมวงสุรา
สำหรับสาเหตุที่ทำให้พี่น้องคู่นี้เปิดศึกทะเลาะวิวาทกันนั้น จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ทราบว่า เป็นความขัดแย้งภายในครอบครัวที่ระหองระแหงนานแล้ว ทั้งเรื่องบ้านที่อยู่อาศัย และเรื่องอื่นๆ ที่มีมาก่อนหน้านี้ จนถึงขั้นขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีกันมาแล้วหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุ นายอมร น้องชาย ก็ได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวเดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองตรัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปรักษาอาการบาดเจ็บเนื่องจากถูกยิงที่โรงพยาบาลตรัง ก่อนจะประสานไปยังพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยอด ให้มารับตัวไปดำเนินคดีในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
เมื่อเวลา 00.30 น. วันนี้ (27 มิ.ย.) ร.ต.ท.มนตรี สงคง ร้อยเวรสอบสวน สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง รับแจ้งเหตุทำอาวุธปืนลั่นทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 166 ม.6 ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ จ.ตรัง แพทย์โรงพยาบาลห้วยยอด และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง
โดยที่เกิดเหตุภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นของนายอมร โพธิ์วิจิตร อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่พบว่ามีการตั้งวงดื่มสุรา และใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือด ทราบชื่อคือ นายทรรศวิทย์ โพธิ์วิจิตร อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 ม.6 ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณท้ายทอย กระสุนทะลุหน้าผาก จำนวน 1 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอมร ได้ตั้งวงดื่มสุราในบ้านของตัวเอง พร้อมกับเพื่อนๆ ประมาณ 3-4 คน ระหว่างนั้น นายทรรศวิทย์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นพี่ชายก็ได้เดินถืออาวุธปืนตรงปรี่เข้ามาหา นายอมร น้องชาย และตบที่ศีรษะของน้องชายอย่างแรงจนเลือดไหลอาบโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปราม เพราะเห็นว่าพี่น้องคู่นี้ทะเลาะกันประจำ
หลังจากนั้น นายอมร น้องชายก็ได้ลุกขึ้นแย่งอาวุธปืนจากมือนายทรรศวิทย์ พี่ชาย แต่ในขณะที่กำลังชุลมุนอยู่นั้นอาวุธปืนได้เกิดลั่นขึ้น จำนวน 2 นัด โดยไปถูกนายอมร เข้าที่บริเวณที่เข่า จำนวน 1 นัด และยังไปถูกนายทรรศวิทย์ เข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิตทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนๆ ร่วมวงสุรา
สำหรับสาเหตุที่ทำให้พี่น้องคู่นี้เปิดศึกทะเลาะวิวาทกันนั้น จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ทราบว่า เป็นความขัดแย้งภายในครอบครัวที่ระหองระแหงนานแล้ว ทั้งเรื่องบ้านที่อยู่อาศัย และเรื่องอื่นๆ ที่มีมาก่อนหน้านี้ จนถึงขั้นขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีกันมาแล้วหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุ นายอมร น้องชาย ก็ได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวเดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองตรัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปรักษาอาการบาดเจ็บเนื่องจากถูกยิงที่โรงพยาบาลตรัง ก่อนจะประสานไปยังพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยอด ให้มารับตัวไปดำเนินคดีในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
