นครศรีธรรมราช - สุดอนาถ! แม่เฒ่าอายุเฉียดร้อยปีเป็นโรคจิตเวช อาศัยอยู่กับหลานชายยากจนต้องไปสร้างกระท่อมเล็กๆ ให้อยู่คนเดียว และขังไว้ไม่ให้อาละวาด ด้านทหาร “ผบ.ค่ายฝึกรบพิเศษสิชล” ยืนมือเข้าช่วยเหลือแล้ว
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายสมนึก ใจฟู อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 291/1 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เข้าขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้ ผบ.ค่ายฝึกรบพิเศษสิชล จ.นครศรีธรรมราช หาทางช่วยเหลือ นางนัด เกิดสมนึก อายุ 93 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า และอยู่ในความอุปการะ ซึ่งปัจจุบันนางนัด ป่วยด้วยโรคชรา และมีสติเลอะเลือน ฟั่นเฟือน และประสาทหลอนหวาดผวาว่ามีคนตามทำร้าย จนบางครั้งนางนัด มีอาการคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของทรัพย์สินจนตนต้องไปปลูกบ้านหลังเล็กๆ ให้นางนัด อยู่อาศัยเพียงคนเดียว และจำเป็นต้องล็อกกุญแจขังไว้ในบ้านมาตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว และอยากหาช่องทางช่วยเหลือให้ป้ามีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้
พ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้ จึงมอบหมายให้ จ.ส.ต.สัมพันธ์ ดำจันทร์ พร้อมกำลังทหารจำนวนหนึ่งเดินทางไปตรวจสอบ โดยห่างจากบ้านของนายสมนึก ประมาณ 10 เมตร พบบ้านหลังหลังเล็กๆ กว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 5 เมตร กั้นฝาด้านหนึ่งด้วยแผ่นไม้มะพร้าวผ่าซีก เปิดช่องคล้ายเป็นหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทกว้าง 1 x 1 เมตร ส่วนอีกด้านหนึ่งกั้นด้วยสังกะสี หลังคามุงกระเบื้อง ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ไม่กี่ชิ้นวางอยู่ระเกะระกะ และพบว่ามีกลิ่นของเสียจากการขับถ่ายคลุ้ง
ส่วนภายในนั้นพบว่า นางนัด เกิดสมนึก อายุ 93 ปี สวมเสื้อคอกระเช้าสีน้ำตาล นุ่งผ้าถุงสีน้ำเงิน นอนอยู่บนแคร่ไม้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งเสียงเรียก ทำให้แม่เฒ่าลุกขึ้น และพยายามจะเดินเกาะฝาผนังบ้านมายังช่องหน้าต่าง และยืนเกาะแผ่นไม้กระดาน โดยพบว่า นางนัด มีผมสีขาวยาวรกรุงรัง ดวงตาข้างซ้ายเป็นต้อกระจก มีอาการบวมแดง และมีน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา เจ้าหน้าที่พยายามสอบถาม แต่ก็ไม่สามารถคุยกันได้รู้เรื่อง เพราะนางนัด มีเสียงแหบพร่า และพูดจากวกไปวนมา เท่าที่พอจะจับใจความได้นางนัดพยายามจะบอกว่า “เจ็บตา”
นายสมนึก ใจฟู เปิดเผยว่า ตนเองเป็นหลานของนางนัด โดยแม่ของตนเป็นน้องสาวของนางนัด เกิดในสมัยรัชกาลที่ 6 และไม่มีครอบครัว ที่ผ่านมาอาศัยอยู่กับน้องสาว จนเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน นางนัด เกิดน้อยใจน้องสาว จึงมาขออยู่อาศัยกับตน จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน นางนัด มีอาการหลงๆ ลืมๆ จำอะไรไม่ได้ ที่สำคัญมีอาการประสาทหลอน หวาดกลัว หวาดผวาอ้างว่ามีคนโน้นคนนี้ ซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้วมาหา และพยายามจะทำร้าย และมักจะคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของทุกอย่างที่อยู่ภายในบ้าน
“หลังจากนั้นจึงมาปลุกกระท่อมเล็กๆ ให้ป้าอาศัยอยู่เพียงคนเดียว โดยต้องล็อกประตูขัง นางนัด เอาไว้ภายในบ้านตลอดระยะเวลา 3 ปี เนื่องจากเกรงว่านางนัดจะออกไปข้างนอก ไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่เพื่อนบ้าน และนางนัดอาจจะเดินเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายในลักษณะต่างๆ ได้ ในระหว่างที่อยู่ภายในบ้านต้องไม่ให้มีวัสดุอุปกรณ์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นของมีคม ไฟแช็ก หรือแม้แต่เชือก หรือสายไฟฟ้า เพราะนางนัดจะอาละวาดทำลายจนเสียหาย และเกิดอันตรายแก่ร่างกายของป้าเอง และที่ผ่านมา ฝาผนังไม้มะพร้าว และสังกะสีก็ถูกนางนัดพังทำลายจนเสียหาย และตนได้มาซ่อมแซมอยู่เป็นประจำ สำหรับไฟฟ้าที่ต่อมาส่องสว่าง 1 ดวง เพื่อป้องกันนางนัดไปดึงทำลายสายไฟ จึงเดินสายไฟนอกบ้านให้โผล่เข้ามาในบ้านเฉพาะดวงไฟส่องสว่างเท่านั้น”
นายสมนึก กล่าวอีกว่า ตนไม่ค่อยมีเวลาดูแลปรนนิบัตินางนัดอย่างใกล้ชิด เพราะต้องออกไปทำงานรับจ้างที่ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งในตลาดสิชล ทำได้แค่การนำอาหารมาให้นางนัดเท่านั้น ล่าสุด พบว่านางนัดมีอาการหลงๆ ลืมๆ และประสาทหลอนรุนแรงมากขึ้น จนมีการถ่ายปัสสาวะ อุจจาระเรี่ยราดไปทั่วบ้าน ตนเคยติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งภาคใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่ หมู่ 7 ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เพื่อให้รับนางนัดไปอุปการะดูแล และมีเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งภาคใต้เข้ามาตรวจสอบ เมื่อเห็นสภาพของนางนัดก็ว่ากล่าวตำหนิตนอย่างหนักที่ปล่อยให้นางนัดอยู่ในสภาพเช่นนี้
ในขณะที่ จ.ส.ต.สัมพันธ์ ดำจันทร์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางค่ายรบพิเศษจะนำกำลังทหารเข้ามาช่วยซ่อมแซม และทำความสะอาดบ้านของนางนัด รวมทั้งดูแลเรื่องอาหารให้แก่นางนัดอีกส่วนหนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็จะคอยมาตรวจสอบดูแลช่วยเหลือนางนัดเป็นระยะๆ ต่อไป