ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เกิดเหตุแทงกันตาย 2 ศพ ในธนาคารกรุงศรีฯ สาขาพูนผล จ.ภูเก็ต พบเป็นนักธุรกิจตระกูลดัง หลังมีการตกลงขายฝากที่ดินมูลค่าหลายสิบล้านบาทแต่หลุดจำนอง ทั้ง 2 ฝ่ายนัดเจรจาอีกครั้งแต่ตกลงกันไม่ได้ เจ้าของที่ดินจึงชักมีดจ้วงแทงคนรับขายฝากดับ ก่อนใช้มีดเล่มเดียวกันแทงตัวเองตายตาม
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (6 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.ภูเก็ต รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพูนผล ว่า เกิดเหตุฆ่ากันตายภายในธนาคารดังกล่าว หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการฯ พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้กำกับ สภ.เมือง พ.ต.ท.ยงยุทธ กรองมาลัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
ซึ่งอยู่ภายในห้องประชุมบริเวณชั้น 2 ของธนาคาร โดยมีพนักงานชาย-หญิง กำลังยืนวิพากษ์วิจารณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรวจสอบในเบื้องต้นพบเก้าอี้กระจัดกระจายทั่วบริเวณ มีเลือดไหลนองพื้นที่เป็นสยดสยองแก่ผู้ที่พบเห็น ที่บริเวณกลางห้องโต๊ะขนาดใหญ่บนโต๊ะมีแก้วน้ำวางอยู่ 2 ใบ แก้วกาแฟ 1 ใบ กระเป๋าสะพายสีดำ 2 ใบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ที่บริเวณบนพื้นข้างโต๊ะพบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังคือ นายไพบูลย์ เวชวนิชสนอง อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 ม.3 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อเชิ้ตสีเทา สวมกางเกงขายาวสีน้ำเงิน โดยถูกแทงเข้าที่ลำคอ 1 แผล บริเวณแขนขวา 1 แผล ใต้รักแร้ขวา 1 แผล
นอกจากนั้น ยังพบศพผู้เสียชีวิตนอนหงายทับอยู่บริเวณขาของ นายไพบูลย์ อีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายพณธกร ธีรเบญจกุล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 413/6 ม.7 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินอ่อน มีเลือดไหลท่วมร่าง ที่บริเวณหน้าอกมีมีดปักคาอยู่ และตามร่างกายมีร่องรอยถูกแทงรวม 7 แผล เจ้าหน้าที่จึงนำศพชันสูตรที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
จากการสอบสวนทราบว่า นายไพบูลย์ เวชวนิชสนอง เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต และมีตำแหน่งเป็นเหรัญญิกศาลเจ้าท่าเรือ เป็นพี่ชายแท้ๆ ของ นายไพศาล เวชวนิชสนอง หรือบิ๊กกุ่ย เจ้าของบริษัทจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมพงศ์มอเตอร์ภูเก็ต ส่วน นายพณธกร ธีรเบญจกุล เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้ง 2 คน นัดกันมาเจรจาเพื่อตกลงเรื่องที่ดิน ที่นายพณธกร ธีรเบญจกุล ได้นำโฉนดที่ดินที่มีการก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ที่บริเวณซอยบ่อปลาตากแดด ต.ทุ่งทอง อ.กะทู้ ไปขายฝากให้แก่ นายไพบูลย์ เวชวนิชสนอง และได้หลุดจำนอง แต่ได้มีการนัดเจรจากันเนื่องจากมีคนติดต่อซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวที่ธนาคารดังกล่าวทั้ง 3 ฝ่าย
แต่ระหว่างการเจรจานั้น นายไพบูลย์ และนายพณธกร ไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งในระหว่างการเจรจามี นายโสภณ อุดมทรัพย์ ผู้จัดการธนาคารสาขาดังกล่าว อยู่ด้วย เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ นายโสภณ อุดมทรัพย์ ผู้จัดการธนาคารดังกล่าว จึงได้ขอตัวออกจากห้อง เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกัน หลังจากนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจนมีการแทงกัน และมีผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายดังกล่าว
พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้กำกับ สภ.เมือง เปิดเผยว่า สาเหตุการแทงกันตายในครั้งนี้ เกิดจากการเจรจาเรื่องผลประโยชน์ที่ดินที่ไม่ลงตัวระหว่างนายไพบูลย์ และนายพณธกร ซึ่งก่อนหน้านี้ โดยนายพณธกร ได้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างคือ อพาร์ตเมนต์พร้อมที่ดินไปจำนองไว้กับ นายไพบูลย์ โดยที่ดินดังกล่าวได้ครบชำระไถ่ถอนไปเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อวานได้มีการนัดเจรจากันแล้วครั้งหนึ่งระหว่างผู้ตายทั้ง 2 คน และผู้ที่ต้องการจะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงนัดเจรจากันอีกครั้งที่ธนาคารดังกล่าว โดยมีผู้ที่ต้องการจะซื้อมาร่วมด้วย แต่การเจรจาไม่สามารถที่จะตกลงกันได้
จากนั้น นายพณธกรที่อยู่ในอาการเครียด จึงหยิบมีดที่แอบพกมา พุ่งเข้าหานายไพบูลย์และจ้วงแทงเข้าที่ลำคอ มือซ้าย และบริเวณรักแร้ ของนายไพบูลย์ ล้มลงเสียชีวิต ขณะที่นายพณธกร ก็ได้ใช้มีดเล่มเดียวกันนี้กระหน่ำแทงตัวเองจำนวน 7 แผล โดยแผลสุดท้ายมีดปักอยู่ที่บริเวณหน้าอกเสียชีวิตเช่นเดียวกัน และ จากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้น ไม่มีใครเห็นว่าหลังจากที่นายพณธกร ชักมีดและพุ่งไปหานายไพบูลย์ แล้วเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากต่างก็วิ่งหนีออกจากห้องที่เกิดเหตุทันที ขณะที่พนักงานที่อยู่ในห้องด้านนอกก็เช่นเดียวกัน จึงทำให้ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์รวมทั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าวก็ไม่มีการติดตั้ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับชนวนเหตุของปัญหาที่ดินในเบื้องต้น จากการสอบถาม พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทราบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีการขายฝากกันในราคาประมาณ 30.8 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งดอกเบี้ยแล้ว และในการขายต่อที่มีการเจรจากันจะมีการขายต่อในราคาประมาณ 38 ล้านบาท ซึ่งจะมีเงินส่วนต่างที่เกิดขึ้น คาดว่าทั้ง 2 ฝ่าย ไม่สามารถตกลงเรื่องนี้กันได้ จึงนัดเจรจากันแต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ สุดท้ายก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (6 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.ภูเก็ต รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพูนผล ว่า เกิดเหตุฆ่ากันตายภายในธนาคารดังกล่าว หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการฯ พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้กำกับ สภ.เมือง พ.ต.ท.ยงยุทธ กรองมาลัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
ซึ่งอยู่ภายในห้องประชุมบริเวณชั้น 2 ของธนาคาร โดยมีพนักงานชาย-หญิง กำลังยืนวิพากษ์วิจารณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรวจสอบในเบื้องต้นพบเก้าอี้กระจัดกระจายทั่วบริเวณ มีเลือดไหลนองพื้นที่เป็นสยดสยองแก่ผู้ที่พบเห็น ที่บริเวณกลางห้องโต๊ะขนาดใหญ่บนโต๊ะมีแก้วน้ำวางอยู่ 2 ใบ แก้วกาแฟ 1 ใบ กระเป๋าสะพายสีดำ 2 ใบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ที่บริเวณบนพื้นข้างโต๊ะพบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังคือ นายไพบูลย์ เวชวนิชสนอง อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 ม.3 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อเชิ้ตสีเทา สวมกางเกงขายาวสีน้ำเงิน โดยถูกแทงเข้าที่ลำคอ 1 แผล บริเวณแขนขวา 1 แผล ใต้รักแร้ขวา 1 แผล
นอกจากนั้น ยังพบศพผู้เสียชีวิตนอนหงายทับอยู่บริเวณขาของ นายไพบูลย์ อีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายพณธกร ธีรเบญจกุล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 413/6 ม.7 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินอ่อน มีเลือดไหลท่วมร่าง ที่บริเวณหน้าอกมีมีดปักคาอยู่ และตามร่างกายมีร่องรอยถูกแทงรวม 7 แผล เจ้าหน้าที่จึงนำศพชันสูตรที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
จากการสอบสวนทราบว่า นายไพบูลย์ เวชวนิชสนอง เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต และมีตำแหน่งเป็นเหรัญญิกศาลเจ้าท่าเรือ เป็นพี่ชายแท้ๆ ของ นายไพศาล เวชวนิชสนอง หรือบิ๊กกุ่ย เจ้าของบริษัทจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมพงศ์มอเตอร์ภูเก็ต ส่วน นายพณธกร ธีรเบญจกุล เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้ง 2 คน นัดกันมาเจรจาเพื่อตกลงเรื่องที่ดิน ที่นายพณธกร ธีรเบญจกุล ได้นำโฉนดที่ดินที่มีการก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ที่บริเวณซอยบ่อปลาตากแดด ต.ทุ่งทอง อ.กะทู้ ไปขายฝากให้แก่ นายไพบูลย์ เวชวนิชสนอง และได้หลุดจำนอง แต่ได้มีการนัดเจรจากันเนื่องจากมีคนติดต่อซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวที่ธนาคารดังกล่าวทั้ง 3 ฝ่าย
แต่ระหว่างการเจรจานั้น นายไพบูลย์ และนายพณธกร ไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งในระหว่างการเจรจามี นายโสภณ อุดมทรัพย์ ผู้จัดการธนาคารสาขาดังกล่าว อยู่ด้วย เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ นายโสภณ อุดมทรัพย์ ผู้จัดการธนาคารดังกล่าว จึงได้ขอตัวออกจากห้อง เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกัน หลังจากนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจนมีการแทงกัน และมีผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายดังกล่าว
พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้กำกับ สภ.เมือง เปิดเผยว่า สาเหตุการแทงกันตายในครั้งนี้ เกิดจากการเจรจาเรื่องผลประโยชน์ที่ดินที่ไม่ลงตัวระหว่างนายไพบูลย์ และนายพณธกร ซึ่งก่อนหน้านี้ โดยนายพณธกร ได้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างคือ อพาร์ตเมนต์พร้อมที่ดินไปจำนองไว้กับ นายไพบูลย์ โดยที่ดินดังกล่าวได้ครบชำระไถ่ถอนไปเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อวานได้มีการนัดเจรจากันแล้วครั้งหนึ่งระหว่างผู้ตายทั้ง 2 คน และผู้ที่ต้องการจะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงนัดเจรจากันอีกครั้งที่ธนาคารดังกล่าว โดยมีผู้ที่ต้องการจะซื้อมาร่วมด้วย แต่การเจรจาไม่สามารถที่จะตกลงกันได้
จากนั้น นายพณธกรที่อยู่ในอาการเครียด จึงหยิบมีดที่แอบพกมา พุ่งเข้าหานายไพบูลย์และจ้วงแทงเข้าที่ลำคอ มือซ้าย และบริเวณรักแร้ ของนายไพบูลย์ ล้มลงเสียชีวิต ขณะที่นายพณธกร ก็ได้ใช้มีดเล่มเดียวกันนี้กระหน่ำแทงตัวเองจำนวน 7 แผล โดยแผลสุดท้ายมีดปักอยู่ที่บริเวณหน้าอกเสียชีวิตเช่นเดียวกัน และ จากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้น ไม่มีใครเห็นว่าหลังจากที่นายพณธกร ชักมีดและพุ่งไปหานายไพบูลย์ แล้วเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากต่างก็วิ่งหนีออกจากห้องที่เกิดเหตุทันที ขณะที่พนักงานที่อยู่ในห้องด้านนอกก็เช่นเดียวกัน จึงทำให้ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์รวมทั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าวก็ไม่มีการติดตั้ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับชนวนเหตุของปัญหาที่ดินในเบื้องต้น จากการสอบถาม พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทราบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีการขายฝากกันในราคาประมาณ 30.8 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งดอกเบี้ยแล้ว และในการขายต่อที่มีการเจรจากันจะมีการขายต่อในราคาประมาณ 38 ล้านบาท ซึ่งจะมีเงินส่วนต่างที่เกิดขึ้น คาดว่าทั้ง 2 ฝ่าย ไม่สามารถตกลงเรื่องนี้กันได้ จึงนัดเจรจากันแต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ สุดท้ายก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว