กระบี่ - เรือหางยาวบริการท่องเที่ยวที่กระบี่ กว่า 500 ลำ หยุดให้บริการนำเที่ยว หวั่นคลื่นลมแรงกระหน่ำซ้ำอีก หลังคลื่นลมแรงพัดเรือยางหางยาวพลิกคว่ำไปถึง 77 ลำ เมื่อวานนี้
วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้เกิดคลื่นลมแรงพัดชายฝั่งทะเลจังหวัดกระบี่ ทำให้เรือหางยาววิ่งให้บริการท่องเที่ยวตามเกาะแก่ง ทั้งในพื้นที่บ้านอ่าวน้ำเมา ต.ไสไทย เกาะพีพี ต.อ่าวนาง และเกาะห้อง อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ถูกคลื่นซัดจมเสียหาย รวมจำนวน 77 ลำ และยังส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติที่เดินทางไปท่องเที่ยวบริเวณเกาะห้อง จำนวน 138 คน ต้องติดเกาะอยู่นานกว่า 2 โมง ทาง ตำรวจน้ำกระบี่ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และ อบจ.กระบี่ นำเรือสปีดโบต จำนวน 8 ลำ ออกให้การช่วยเหลือนำนักท่องเที่ยวกลับเข้าฝั่งปลอดภัยทุกคน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบการให้บริการนำเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ บริเวณหาดอ่าวนาง ต.อ่าวนาง และอ่าวน้ำ ต.ไสไทย บริเวณที่ถูกคลื่นลมแรงซัดจนเรือล่มพบว่า เรือทั้งหมดได้ถูกกู้จนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนเรือบางลำที่เสียหายหนักทางเจ้าของเตรียมนำไปซ่อมแซม และทางอำเภอเมืองกระบี่ และ อบต.ไสไทย มีการเปิดให้เจ้าของเรือที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นซัดจมมาลงทะเบียนขอรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมเนื่องจากบางรายยังคงตกค้าง และในส่วนการให้บริการนักท่องเที่ยวพบว่า เรือหางยาวให้บริการนำเที่ยวตามเกาะแก่ง เช่น ทะเลแหวก เกาะปอดะ เกาะไก่ และเกาะทับ ต.อ่าวนาง กว่า 500 ลำ หยุดให้บริการ
นายดำรง และเหล็ม ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวอ่าวน้ำเมา กล่าวว่า สำหรับเรือหางยาวให้บริการนำเที่ยวอ่าวนำเมา ถูกคลื่นซัดจม และได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งก็ได้ทำการกู้ และนำไปซ่อมแซม ส่วนเรือที่ไม่ได้รับความเสียหายได้หยุดวิ่งให้บริการชั่วคราวเนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะสภาพอากาศยังครึ้มฟ้าครึ้มฝน ส่วนเรือที่เป็นของผู้ประกอบการเองบางรายยังคงออกให้บริการ เนื่องจากยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งยังคงต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่ง โดยไม่หวาดหวั่นกับสภาพคลื่นลมแรง
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการเกิดเหตุการณ์คลื่นลมแรงพัดถล่มชายฝั่ง ทำให้เรือหางยาวท่องเที่ยวเสียหายรวม 77 ลำ ในหลายพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ และมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งติดเกาะ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัยด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง และหลังจากนี้ ก็จะมีการบูรณาการร่วมกันโดยจะตั้งเป็นศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่พร้อมจะออกให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทันทีที่เกิดภัยทางทะเลขึ้น โดยพบว่า ยังมีนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งยังคงเชื่อมั่นในความปลอดภัยเดินทางไปท่องเที่ยวอีกจำนวนหนึ่ง แต่ขอให้เพิ่มความระวัง