ตรัง - วัยรุ่นอำเภอปะเหลียน ซิ่งรถจักรยานยนต์ควงระเบิด เอ็ม 26 ปาใส่บ้านชาวบ้าน แต่โชคดีไร้เจ็บ-ตาย หลานชายเจ้าของบ้านยันไม่ขัดแย้งกับใคร คาดสาเหตุมาจากธุรกิจมืด หรือขัดแย้งส่วนตัว
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (20 พ.ค.) พ.ต.ท.อิศรพงศ์ จินา รักษาการ สวญ.สภ.บ้านหนองเอื้อง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พร้อมด้วย ร.ต.ท.เรวัตร ไพริน พนักงานสอบสวน ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง และ นายวิเชษฐ์ คงอินทร์ กำนัน ต.ปะเหลียน เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายขว้างปาระเบิดใส่บ้านเลขที่ 10/1 ม.5 บ้านปากแครง ต.ปะเหลียน หลังได้รับแจ้งจาก นายยุกก่าย แซ่จุ้ง อายุ 65 ปี เจ้าของบ้าน และ นายแก้วนิพนธ์ แซ่จุ้ง อายุ 22 ปี หลานชาย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว ปลูกอยู่ระหว่างกลางบ้านอีก 2 หลัง ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร โดยที่ฝาผนังบ้านซึ่งทำด้วยอิฐบล็อกคอนกรีตได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดทำให้มีรูพรุนจำนวนมาก นอกจากนั้น สะเก็ดระเบิดยังไปถูกต้นไม้ และท่อประปาข้างบ้านจนได้รับความเสียหายอีกด้วย แต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ห่างกันเล็กน้อยพบว่า ที่บริเวณพงหญ้าด้านหน้าติดริมถนนใหญ่ ข้างบ้านเลขที่ 2 ม.15 ต.ปะเหลียน มีรอยเท้าที่เพิ่งเดินเหยียบย่ำ รอยนอนหมอบราบกับพื้น และสะเก็ดระเบิดแบบขว้างชนิดลูกเกลี้ยง เอ็ม 26 ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นายยุกก่าย แต่ได้ให้ นายแก้วนิพนธ์ หลานชาย พักอาศัยอยู่คนเดียว ส่วนตัวเองไปนอนที่บ้านอีกหลังหนึ่ง เพื่อทำสวนยางพารา โดยขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขับขี่ผ่านหน้าบ้านที่เกิดเหตุไปรอบหนึ่ง ก่อนจะย้อนขับผ่านมาอีกรอบ และได้ชะลอความเร็วของรถลง จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจ เพราะเข้าใจว่าเป็นเสียงของหม้อแปลงระเบิด ก่อนที่จะออกมาตรวจสอบ และพบว่าเป็นระเบิดดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่คนร้ายขว้างปาระเบิดใส่บ้านครั้งนี้ไม่ทราบ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีความขัดแย้ง หรือโกรธเคืองส่วนตัวกับใครมาก่อน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นวัยรุ่นไม่ทราบจำนวน โดย 1 ในนั้น ได้นำระเบิดที่พกติดตัวมาเดินเข้ามาซุ่มตรงพงหญ้า ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร แล้วปาระเบิดใส่ ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนสาเหตุของการขว้างปาระเบิดนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่ามาจากเรื่องใด เพราะในขณะเกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เบื้องต้นคาดว่ามาจากความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว หรือธุรกิจบางอย่าง
