นราธิวาส - นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียทยอยเดินทางกลับในวันอาทิตย์ตามปกติ โดยไม่ได้หวั่นกับสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เมื่อวานนี้
วันนี้ (19 พ.ค.) นายนรินทร์ อุษาสุมงคล ผู้ดูแลโรงแรมซาวอย ถ.เจริญเขต อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ที่อยู่ในแนวเดียวกับโรงแรมเอเชีย โดยห่างกันประมาณ 6 คูหา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงแรมเอเชีย ก็ทำให้บรรยากาศในพื้นที่ซบเซาลงเล็กน้อย แต่สาเหตุเชื่อว่าก็ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบเพียงอย่างเดียว เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจะเดินทางมาเข้าพักในช่วงวันพฤหัสบดี จนถึงวันเสาร์ และเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมในวันอาทิตย์ ซึ่งก็ไม่ได้มีความผิดปกติไปจากเดิมมากนัก ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นทำให้ตกใจบ้าง แต่ไม่ถึงกับกลัว เนื่องจากเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นภายในโรงแรมที่ยากต่อการตรวจสอบ ทั้งเจ้าของโรงแรม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงแรมซาวอย หลังมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการตรวจสอบการเข้าพักของผู้ใช้บริการเข้มงวดมากขึ้นอยู่แล้ว ทั้งการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน และกระเป๋าสัมภาระ ซึ่งหากเห็นว่าอาจเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย ก็จะขอตรวจสอบสัมภาระ ซึ่งบางครั้งจะมีการเดินตามไปตรวจสอบถึงห้องพักด้วย หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่น่าไว้วางใจ
เนื่องจากเป็นโรงแรมขนาดเล็กจึงสามารถดูแลใกล้ชิดได้ และจากกรณีของโรงแรมเอเชีย เชื่อว่าพนักงานได้มีความเข้มงวดในระดับหนึ่งแล้ว เพราะจากที่มีกลุ่มวัยรุ่นมาขอเข้าพบผู้ต้องสงสัยภายในห้องพักชั้น 3 แต่พนักงานก็ไม่ได้อนุญาตให้ขึ้นไป ซึ่งหากขึ้นไปได้ก็อาจมีการลักลอบนำวัตถุระเบิดออกมาใช้ก่อเหตุในพื้นที่สำคัญของ อ.สุไหงโก-ลกได้
ส่วนพื้นที่เซฟตี้โซนทั้ง 9 จุด รอบเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทหาร สมาชิกอาสารักษาดินแดน อาสาสมัครพิทักษ์เมือง ได้มีการคุมเข้มพื้นที่ ซึ่งรวมถึงบริเวณจุดตรวจที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ซึ่งมีการตรวจบัตรประจำตัวประชาชนผู้ที่จะเดินทางออกจาก อ.สุไหงโก-ลก จนสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 4 ราย
ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจร้านโปรคอมพิวเตอร์ ระบุว่า ในการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ทั้งคนในพื้นที่ และต่างพื้นที่ขอให้พกบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวทุกครั้ง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ อีกทั้งสะดวกต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ยังระบุว่าจากมาตรการเซฟตี้โซนที่เน้นการตรวจสอบยานพาหนะที่เข้า-ออกพื้นที่อย่างเข้มงวด ทำให้ในครั้งนี้ได้มีการใช้วิธีเดินเท้าเข้ามาแทนการใช้รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการในการตรวจสอบบุคคลที่เดินเท้าเข้ามาในพื้นที่
วันนี้ (19 พ.ค.) นายนรินทร์ อุษาสุมงคล ผู้ดูแลโรงแรมซาวอย ถ.เจริญเขต อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ที่อยู่ในแนวเดียวกับโรงแรมเอเชีย โดยห่างกันประมาณ 6 คูหา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงแรมเอเชีย ก็ทำให้บรรยากาศในพื้นที่ซบเซาลงเล็กน้อย แต่สาเหตุเชื่อว่าก็ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบเพียงอย่างเดียว เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจะเดินทางมาเข้าพักในช่วงวันพฤหัสบดี จนถึงวันเสาร์ และเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมในวันอาทิตย์ ซึ่งก็ไม่ได้มีความผิดปกติไปจากเดิมมากนัก ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นทำให้ตกใจบ้าง แต่ไม่ถึงกับกลัว เนื่องจากเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นภายในโรงแรมที่ยากต่อการตรวจสอบ ทั้งเจ้าของโรงแรม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงแรมซาวอย หลังมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการตรวจสอบการเข้าพักของผู้ใช้บริการเข้มงวดมากขึ้นอยู่แล้ว ทั้งการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน และกระเป๋าสัมภาระ ซึ่งหากเห็นว่าอาจเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย ก็จะขอตรวจสอบสัมภาระ ซึ่งบางครั้งจะมีการเดินตามไปตรวจสอบถึงห้องพักด้วย หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่น่าไว้วางใจ
เนื่องจากเป็นโรงแรมขนาดเล็กจึงสามารถดูแลใกล้ชิดได้ และจากกรณีของโรงแรมเอเชีย เชื่อว่าพนักงานได้มีความเข้มงวดในระดับหนึ่งแล้ว เพราะจากที่มีกลุ่มวัยรุ่นมาขอเข้าพบผู้ต้องสงสัยภายในห้องพักชั้น 3 แต่พนักงานก็ไม่ได้อนุญาตให้ขึ้นไป ซึ่งหากขึ้นไปได้ก็อาจมีการลักลอบนำวัตถุระเบิดออกมาใช้ก่อเหตุในพื้นที่สำคัญของ อ.สุไหงโก-ลกได้
ส่วนพื้นที่เซฟตี้โซนทั้ง 9 จุด รอบเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทหาร สมาชิกอาสารักษาดินแดน อาสาสมัครพิทักษ์เมือง ได้มีการคุมเข้มพื้นที่ ซึ่งรวมถึงบริเวณจุดตรวจที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ซึ่งมีการตรวจบัตรประจำตัวประชาชนผู้ที่จะเดินทางออกจาก อ.สุไหงโก-ลก จนสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 4 ราย
ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจร้านโปรคอมพิวเตอร์ ระบุว่า ในการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ทั้งคนในพื้นที่ และต่างพื้นที่ขอให้พกบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวทุกครั้ง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ อีกทั้งสะดวกต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ยังระบุว่าจากมาตรการเซฟตี้โซนที่เน้นการตรวจสอบยานพาหนะที่เข้า-ออกพื้นที่อย่างเข้มงวด ทำให้ในครั้งนี้ได้มีการใช้วิธีเดินเท้าเข้ามาแทนการใช้รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการในการตรวจสอบบุคคลที่เดินเท้าเข้ามาในพื้นที่
