ตรัง - ผู้ประกอบการท่องเที่ยวตรัง วอนเร่งทำการปรับปรุงท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุด หลังเกิดสภาพทรุดโทรม เพราะใช้งานมานานถึง 20 ปีแล้ว ก่อนนักท่องเที่ยวจะหนีหายไปหมด
นายประทีป โจ้งทอง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ท่าเรือปากเมง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และสร้างขึ้นเมื่อปี 2536 ด้วยเงินงบประมาณของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นั้น ถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง อีกทั้งยังเป็นประตูสู่เกาะ และชายหาดต่างๆ ในท้องทะเลอันดามัน เพราะอยู่ใกล้ เดินทางง่าย ร่องน้ำสะดวก และยังมีเกาะช่วยบังลมมรสุม ดังนั้น ในแต่ละปีจึงมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก จนสามารถสร้างรายได้ให้ถึงปีละ 3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลจากการที่ท่าเรือปากเมงใช้งานมายาวนานถึง 20 ปีแล้ว จึงทำให้มีสภาพเก่าแก่ และแออัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด หรือเทศกาลต่างๆ เพราะมีผู้เข้ามาใช้บริการไม่น้อยกว่าวันละ 1,300 คน และมีทั้งเรือใหญ่ เรือหางยาว และเรือสปีดโบตมาใช้บริการถึงวันละไม่น้อยกว่า 100 ลำ จนทำให้เกิดความไม่สะดวก และอาจจะเกิดอันตรายขึ้นมาได้ เนื่องจากบริเวณหน้าท่ายังมีความแคบมาก หรือมีขนาดเพียงแค่ 18 เมตร ทำให้เรือใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้หมดทั้งลำ ทั้งที่ตามมาตรฐานแล้วควรมีความกว้างถึง 40 เมตร จึงควรหาทางขยายบริเวณหน้าท่าออกไปอีกอย่างน้อย 15 เมตร
นอกจากนั้น ตัวสะพานที่ยื่นออกมายังท่าเรือปากเมง ที่มีความยาวประมาณ 100 เมตร ก็มีสภาพที่แคบ และไม่ค่อยจะแข็งแรง โดยมีความกว้างเพียงแค่ 2 เมตรครึ่ง ขนาดรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง ยังเดินทางเข้าไปยังท่าเรือได้ยากลำบาก เพื่อขนส่งเสบียงหรือสัมภาระสำหรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งการขนส่งน้ำ และน้ำมันสำหรับเรือโดยสาร จึงควรขยายตัวสะพานออกไปอย่างน้อย 5 เมตร เพื่อให้รถยนต์สามารถเดินทางมาถึงท่าเรือได้เลย ในขณะที่ตัวอาคาร และหลังคาของท่าเรือก็ผุพังลงไปมากแล้ว รวมไปถึงระบบไฟฟ้าที่ดูแล้วไม่ค่อยจะมีความปลอดภัยนัก ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเพื่อปรับปรุงทั้งหมดไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ แม้ในช่วงหลังมาจะมีการก่อสร้างท่าเรือแห่งอื่นเพิ่มขึ้น เช่น ท่าเรือคลองสน ท่าเรือนาเกลือ ท่าเรือหาดยาว แต่ในความเป็นจริงล้วนแล้วแต่มีศักยภาพสู้ท่าเรือปากเมงไม่ได้ เพราะเป็นจุดศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเกาะพีพี และเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย อีกทั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า ก็จะมีการเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องมีท่าเรือท่องเที่ยวระดับมาตรฐานเพื่อรองรับ แต่ทุกฝ่ายควรจะต้องรีบเร่งทำการสำรวจออกแบบ และจัดทำแผนเพื่อเสนอของบประมาณไว้ตั้งแต่บัดนี้ มิเช่นนั้นทุกอย่างก็จะสายเกินไป และไม่มีใครอยากมาใช้บริการที่ท่าเรือแห่งนี้อีก